พี่น้องที่รัก
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพี่น้องหลายท่านคงได้ติดตามรับชมการถ่ายทอดสดพิธีประกาศสถาปนานักบุญ
ยอห์นที่ 23 และ นักบุญยอห์นปอลที่ 2 พระสันตะปาปากันไปแล้ว
คงจะได้เห็นภาพที่น่าประทับใจกับพิธีกรรมที่จัดขึ้นที่ลานหน้าพระวิหารนักบุญเปโตรไปแล้ว
วันนี้พ่ออยากเก็บเอาประเด็นสำคัญๆที่เกิดขึ้นมาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย ประการแรก
จำนวนผู้แสวงบุญที่เดินทางเข้ามาร่วมพิธีมีจำนวนมากมายจริงๆ เพราะเอ่อล้นไปถึงบริเวณริมแม่น้ำไทเบอร์
หลายคนกะประมาณว่า น่าจะมีจำนวนผู้มาร่วมงานถึง 1 ล้านคนเลย
ในจำนวนนี้มีบุคคลสำคัญที่เป็นตัวแทนจากประเทศต่างมากกว่า 100 ประเทศ ในระดับกษัตริย์ก็มีจาก ประเทศเสปน เบลเยี่ยม ลิกเตนไสตน์
ลักแซมเบิร์ก และผู้นำประเทศต่างๆอีกหลายท่าน รวมไปถึง
ผู้ได้รับอัศจรรย์หายจากโรคสองท่าน โดยการวอนขอผ่านทางนักบุญยอห์นปอลที่สอง คือ
ฟลอรีเบท โมราดีอาส และ ซิสเตอร์ อเดล ลาบีอังกา
เรามีโอกาสได้เห็นภาพของพระสันตะปาปาสี่พระองค์ในงานพิธีสถาปนานักบุญครั้งนี้
นั่นคือ นักบุญพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 นักบุญพระสันตะปาปายอห์นปอลที่สอง
พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ และ พระสันตะปาปาฟรังซิส
นอกจากนี้ยังมีพระคาร์ดินัลอีกกว่า 150 ท่านที่มาร่วมในพิธี
พระสังฆราชจำนวนมาก และ พระสงฆ์อีกหลายพันองค์ พิธีเริ่มด้วย พระคาร์ดินัล แองเจโล
อมาโต ร้องขอให้พระสันตะปาปาฟรังซิส ได้จารึกชื่อของบุญราศีพระสันตะปาปาทั้งสองท่านในสารบบนักบุญ
หลังจากนั้นก็มีการนำพระธาตุของนักบุญทั้งสองท่านมาแสดงต่อพระสันตะปาปา
พระธาตุของพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 เป็นชิ้นส่วนของผิวหนังซึ่งนำออกมาจากพระศพของพระองค์ในช่วงของการประกาศพระองค์เป็นบุญราศี
ในส่วนของนักบุญพระสันตะปาปายอห์นปอลที่สองเป็นเลือดของพระองค์ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ในช่วงที่พระองค์เจ็บป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
หลังจากนั้นพิธีมิสซาก็ดำเนินไปอย่างสง่างาม พระสันตะปาปาฟรังซิส
ได้ให้บทเทศน์ที่น่าประทับใจ และสรุปว่า ขอให้นักบุญใหม่ทั้งสอง ผู้เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า
ได้เสนอวิงวอนเพื่อพระศาสนจักร
เพื่อว่าพระศาสนจักรจะได้เปิดรับพระจิตเจ้าในงานอภิบาลด้านครอบครัว และ
ขอท่านนักบุญโปรดสอนเราให้ครองตนอยู่ในคุณงามความดี และมีเมตตา รู้จักให้อภัย และ
รักกันและกันเสมอ
เมื่อพิธีบูชาขอบพระคุณจบลง พระสันตะปาปาฟรังซิส
เสด็จโดยรถยนต์ที่เรียกกันว่า โป๊ปโมบาย
ออกทักทายและอวยพรผู้แสวงบุญทั่วลานพระวิหาร และ
ตรงออกไปตามถนนที่มุ่งไปยังแม่น้ำไทเบอร์ด้วย
ภาพที่น่าประทับใจเหล่านี้คงตราตรึงอยู่ในใจของเราไปอีกนานแสนนาน
แม้ว่าใจของผู้คนมากมายอยากจะไปอยู่ร่วมสัมผัสเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองก็ตาม
แต่ครั้นเมื่อประเมินดูแล้ว นอนดูการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อยู่ที่บ้านสบายกว่าเยอะครับ
พ่อสุพจน์
....................................................................................................................................
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่
3
เทศกาลปัสกา
วันนี้สานุศิษย์ของพระเยซูเจ้าสองคน
คนหนึ่งชื่อ เคลโอปัส อีกคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ เดินทางไปยังเมืองเอมมาอูส เมืองเล็กๆ
ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 11
กิโลเมตร ศิษย์สองคนนี้กำลังหัวใจสลาย ผิดหวัง สิ้นหวัง
เพราะพระเยซูเจ้าต้องตายอย่างทรมานและน่าอดสู
แทนที่จะเป็นกษัตริย์อย่างที่พวกเขาคาดคิดไว้ เขาไม่อยากอยู่ในเมือง ที่ต้องหลบๆ
ซ่อนๆ เพราะความกลัว เลยตัดสินใจเดินทางไปที่อื่น จนกระทั่งมีชายแปลกหน้ามาร่วมเดินทางด้วย
ชายแปลกหน้าคนนี้ได้มาอธิบายพระคัมภีร์ให้พวกเขาเข้าใจ พร้อมทั้งได้ทานอาหารด้วยกัน
และอาหารมื้อนั้นเอง ทำให้พวกเขาจำพระองค์ พระเยซูเจ้าได้…
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ เป็นข้อคิดให้กับเราอย่างดี
ถึงเรื่องของพระเยซูเจ้า ที่พระองค์ทรงเดินเคียงข้างกับศิษย์สองคนไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส
ศิษย์อยู่ในความเศร้า หมดหวัง แต่พระเยซูเจ้าทรงเตือนสติพวกเขา
ด้วยการอธิบายพระคัมภีร์ และการบิขนมปังของพระองค์ ทำให้ศิษย์จำพระองค์ได้
จิตใจของเขาจึงมีความเร่าร้อน มีกำลังใจ และเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราก็คือ
องค์พระเยซูเจ้า
เราต้องมีพื้นที่หัวใจของเราในการรับพระองค์เข้ามาอยู่ในดวงใจเรา พระองค์ทรงเป็นความหวังสำหรับผู้ที่หมดหวัง
และเป็นผู้ที่ทำให้เราชื่นชมยินดีและเบิกบานใจ หลายครั้งความยากลำบากในชีวิต
ทำให้เราจำพระเยซูเจ้าไม่ได้ หรือเราเองอาจจะปิดหูปิดตา ไม่ยอมมองและฟังพระองค์
เราไม่ใส่ใจและไม่พร้อมเปิดหัวใจรับพระองค์หรือ.. ดังนั้น ขอให้เราได้เปิดตา
เปิดดวงใจของเรา พร้อมที่จะให้พระองค์เข้ามาสู่ชีวิตของเราเสมอไป
“เพราะถ้าพระองค์อยู่เคียงข้างเราแล้ว
เราไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีกต่อไป”
คพ.วิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น