พี่น้องที่รัก
สำนักวาติกันประกาศว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีหมายกำหนดการเสด็จเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างวันที่
24-26 พฤษภาคมนี้ เพื่อจะไปร่วมรำลึกถึง
เหตุการณ์สำคัญของพระศาสนจักรคาทอลิกกับพระศาสนจักรออร์โทดอกซ์ที่สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่
6 เป็นผู้สานสัมพันธไมตรีระหว่างสองพระศาสนจักรที่เคยแตกแยกกันมาเนิ่นนานถึง
9 ศตวรรษ ด้วยการเสด็จไปพบปะกับพระอัยกา อเธนากอรัสที่ 1
ประมุขของพระศาสนจักรออร์โทดอกซ์ เมื่อปี ค.ศ.
1964 การเดินทางไปแสวงบุญยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้
เป็นการก้าวตามรอยเท้าของนักบุญ ยอห์นปอลที่สอง พระสันตะปาปา
ที่เสด็จเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เมื่อปี ค.ศ. 2000 และ สมเด็จพระสันตะปาปา กิตติคุณ เบเนดิกต์ที่ 16 ที่เสด็จเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์
ในปีค.ศ. 2009
วันนี้พ่อเลยขอกล่าวถึงเรื่องของการแสวงบุญสักหน่อย
ความหมายของการแสวงบุญตามคำอธิบายของเราคือ
การเดินทางเพื่อมุ่งไปยังสถานที่ที่มีความหมายทางด้านจิตวิญญาณ
เป็นบุญยาตราไปสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ดังนั้น การแสวงบุญจึงมีเป้าหมายอยู่ที่ สักการะสถาน หรือ
สถานที่สำคัญทางความเชื่อ เช่นสถานที่ที่เป็นที่เกิด หรือ ที่ตายของนักบุญ
หรือสถานที่ที่เป็นจุดหักเหสำคัญเช่นการสอนสัจธรรม หรือ สถานที่ที่นักบุญ หรือ บุคคลบางคนได้พบกับการประจักษ์มาของแม่พระ
หรือ พระเยซูเจ้าเป็นต้น
ส่วนผู้เดินทางไปแสวงบุญก็เรียกกันง่ายๆว่าผู้แสวงบุญนั่นเอง
ความหมายของการเดินทางแสวงบุญในใจความที่กว้างกว่าประเด็นข้างต้นก็คือ
ชีวิตของเรามนุษย์ทุกคนที่ดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นประดุจการแสวงบุญมุ่งหน้าไปยังเมืองสวรรค์
ดังนั้นการแสวงบุญไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆบนโลกนี้
เป็นเพียงเป้าหมายชั่วคราวที่เราคริสตชนต่างซักซ้อมเอาไว้
ทั้งนี้เพื่อเตือนใจของเราให้คงมั่นในบุญยาตราอันศักดิ์สิทธิ์ที่เราทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั่นคือสวรรค์นิรันดรนั่นเอง
คุณพ่อสุพจน์
......................................................................................................................
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่
6
เทศกาลปัสกา
“ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา
ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา”
เป็นที่น่าเสียดาย
สำหรับเราหลายๆ คน ที่ปากบอกว่ารัก แต่กลับไม่เคยได้สัมผัสความรักจริงๆ
หรือเราอาจจะพูดเสมอเลยว่า “เรารักพระเจ้า” แต่เรายังไม่ได้รักพระเจ้าจริงๆ
เพราะอะไรหรือ??
เพราะหัวใจของเรายังไม่เปิดพอ… เพราะหัวใจของเรายังมีความเกลียดชังคนรอบข้าง
เรายังไม่ชอบคนรอบข้างของเรา เรายังไม่พร้อมที่จะยอมรับนิสัยหรือพฤติกรรมบางอย่างของคนรอบข้าง
ทำให้ยังมีความคิด อคติ ที่ไม่ดีต่อเขา
จนนำไปสู่ความเกลียดชัง และยากที่จะให้อภัยได้…
พี่น้องครับ อาทิตย์สัปดาห์ที่ 6 ในเทศกาลปัสกาแล้ว
อาทิตย์หน้าก็จะฉลองใหญ่ สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ ปัสกากำลังจะผ่านไป
แล้วชีวิตของเราได้เปลี่ยนแปลงให้ความสุข ความสงบสันติ
เกิดขึ้นกับชีวิตเราอย่างแท้จริงเพียงใด..
เพราะวันนี้พระเยซูเจ้าบอกกับเราว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา
ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา” ซึ่งคำสอนที่สำคัญขององค์พระเยซูเจ้าก็คือ “พระองค์สอนให้เรารักกันและกัน”
สำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว
สิ่งเดียวที่พิสูจน์ความรักแท้ได้ คือ การเชื่อฟัง แล้วเราเชื่อฟังพระองค์
ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์มากน้อยแค่ไหน
เพราะความรักไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของศีลธรรมที่แสดงออกมาด้วยความเชื่อฟังด้วย
หาไม่แล้ว
เราจะพบเด็กจำนวนมากที่ปากบอกว่ารักพ่อรักแม่ แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้พ่อแม่ต้องกระวนกระวายใจหรือเสียใจอยู่บ่อยๆ หรือไม่..เราก็จะพบว่า สามีภรรยามากมายหลายคู่ที่ต่างก็บอกว่ารักกัน
แต่ในเวลาเดียวกันกลับทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บช้ำน้ำใจ ด้วยการฉุนเฉียวกันบ้าง โมโห โหดร้ายต่อกันบ้าง
หรือไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจกันบ้าง หรือนำไปสู่ความไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน สิ่งเหล่านี้ เราเรียกมันว่าเป็น “ความรัก”
หรือ… ดังนั้น
ความรักที่เป็นความรักแท้จริง ให้เราดูแบบอย่างขององค์พระเยซูเจ้า
พระองค์รักเราโดยปราศจากเงื่อนไข รักโดยไม่ต้องเรียกร้องสิ่งใด
เพราะความรักที่แท้จริง คือ รักที่ปรารถนาให้เขามีความสุข
ดังนั้น...คำสอนของพระวันนี้ท้าทายเรา มันอาจทำยาก แต่ไม่ยากเกินกว่าจะลงมือทำ
ขอเพียงเราเริ่มต้นที่จะทำ และภาวนาขอพระได้ช่วยเหลือ
เราก็จะทำได้โดยไม่ยากจนเกินไป
คพ.วิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น