พี่น้องที่รัก
ตามที่เราทราบว่า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ได้เสด็จเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งนับได้ว่าเป็นพระกรณียกิจที่สำคัญยิ่ง เพราะพระสันตะปาปาถือว่า
กิจการดังกล่าวเป็นประดุจพระพรอันยิ่งใหญ่สำหรับพระองค์เองและสำหรับพระศาสนจักรด้วย
จุดประสงค์หลักของการไปเยือนในครั้งนี้ก็เพื่อร่วมรำลึกถึงโอกาสครบรอบ 50 ปี
ของการพบปะกันระหว่าง พระสันตะปาปาปอลที่6 กับพระอัยกาอาเธนากอรัส
ที่เป็นการเริ่มต้นทำคริสตสัมพันธ์ระหว่างคาทอลิกกับออร์โทดอกซ์
ซึ่งเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกเพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันในคริสตศาสนา ในการเยือนครั้งนี้พระสันตะปาปากับ
พระอัยกาบาร์โทโลเมออสผู้แทนฝ่ายออร์โทดอกซ์
ได้มีโอกาสสวดภาวนาร่วมกันเยี่ยงพี่น้องที่หน้าคูหาฝังพระศพของพระเยซู
เพื่อรื้อฟื้นความตั้งใจในการสืบสานภารกิจไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างนิกายทั้งสอง จุดประสงค์อีกประการหนึ่งของการเสด็จเยือนในครั้งนี้ก็เพื่อไปให้กำลังใจกับความพยายามของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อสันติภาพในดินแดนตะวันออกกลาง
และ
ให้กำลังใจกับคนที่ทำงานกับผู้ลี้ภัยและเด็กๆที่ต้องทนทุกข์กับผลกระทบอันเนื่องมาจากสงครามและการใช้ความรุนแรง
พระสันตะปาปายังได้เชิญให้ประธานาธิบดีของประเทศอิสราเอลและตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ภาวนาร่วมกันกับพระองค์เพื่อสันติภาพอีกด้วย
จุดประสงค์ประการสุดท้ายก็เพื่อทำนุบำรุงความเชื่อของคริสตชนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เข้มแข็ง
ด้วยการรับฟังปัญหาความยากลำบากที่เขาเผชิญอยู่และเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เขาทำงานเมตตาจิตและงานด้านการศึกษาต่อไป
พี่น้องครับ เดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นเดือนที่เราอุทิศถวายแด่พระนางมารีย์
แม่พระของเราก็ผ่านไปแล้ว
และเรามีพิธีถวายช่อดอกไม้ให้กับพระนางมารีย์เป็นสัญลักษณ์ถึงความสัมพันธ์ทางใจของเรากับแม่ของเราที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านทางคำภาวนาโดยเฉพาะการสวดลูกประคำในวันเสาร์ที่
31 หลังมิสซา
ขอพระนางมารีย์โปรดวิงวอนพระเจ้าเพื่อเราทุกคนจะคงมั่นอยู่ในหนทางของพระเจ้าเสมอ
คุณพ่อสุพจน์
......................................................................................................
พี่น้องที่รัก
ความปรารถนาสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
คือต้องการให้บรรดาศิษย์ประกาศพระวรสารแก่ทุกคนในโลก
พระองค์จึงทรงมอบอำนาจให้อัครสาวก ในการนำข่าวดีไปสู่ผู้อื่น สอนเขาให้เชื่อ
และรับศีลล้างบาปในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระจิต
และปฏิบัติตามคำทุกข้อที่พระองค์ทรงสั่ง พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
เป็นความหวังสำหรับเราว่า สักวันหนึ่งเราจะได้อยู่ในสวรรค์เช่นเดียวกัน
หากเราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ สวรรค์นั้นคือที่ประทับของพระเป็นเจ้า
ดังนั้นถ้าเราอุทิศตัวเราเองเพื่อทำให้โลกกลายเป็นสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระเป็นเจ้า
สวรรค์ได้บังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ในโลกนี้
ในความรักต่อพี่น้อง การให้อภัยความผิดของกันและกัน การรับใช้ซึ่งกันและกัน
ในการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน การมีน้ำใจดี เป็นต้นในครอบครัวของเรา ในหมู่คณะ
ในองค์กร สังคมและในวัดของเรา ถือเป็นหน้าที่ ที่จะต้องประกาศ สั่งสอนด้วยคำพูด
และชีวิต ดังที่นักบุญเอากุสตินได้กล่าวไว้ว่า “เวลานี้พระเยซูเจ้าได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ในสวรรค์
แต่ก็ยังคงทรมานในโลก ในความเจ็บปวด ความทุกข์ระทม
ที่เราซึ่งเป็นพระกายทิพย์ของพระองค์ยังทรงได้รับ”
แม้พระองค์จะทรงอยู่ในสวรรค์แล้ว แต่ก็ยังคงอยู่กับเราบนโลกและตลอดไป
แต่ปัญหาอยู่ที่เราอยู่กับพระองค์หรือเปล่า ไม่ว่าจะกิน จะนอน จะเดิน จะเล่น จะทำงาน
จะลำบาก จะสุข จะทุกข์ จะภาวนาคนเดียวหรือภาวนาร่วมกัน
พระองค์ก็ยังคงเป็นแสงสว่างแห่งความดี ความรัก
ซึ่งเราทุกคนต้องทำให้พระวาจาของพระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตของเรา
จึงจะเป็นสวรรค์บนแผ่นดิน ที่ไม่ต้องมัวแหงนหน้ามองท้องอยู่ทำไม
สวรรค์อยู่ในชีวิตของเรา พระองค์ทรงมอบอำนาจอาญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เรา
จงใช้ให้เกิดผลในชีวิตจริง เพราะเราต่างเป็นส่วนของพระกายทิพย์ ซึ่งมีพระองค์ทรงเป็นศีรษะที่จะทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ในพระองค์
ขอพระอวยพรพี่น้องให้มีสวรรค์เป็นเป้าหมายในวิถีชีวิตในแต่ละวัน เพื่อจะพบความสมบูรณ์ในพระองค์เสมอไป
คพ.พงษ์เกษม