พี่น้องที่รัก
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่สองในเดือนธันวาคมของทุกปี
ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เป็นวันพระคัมภีร์
การที่พระศาสนจักรกำหนดวันวันนี้ให้เป็นวันพระคัมภีร์
ก็เพื่อรณรงค์ให้คริสตชนทุกคนให้ความสำคัญกับหนังสือพระคัมภีร์
วันนี้พ่อจึงอยากจะถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้อง เกี่ยวกับเรื่องของพระคัมภีร์สักหน่อยครับ
ในพระศาสนจักรคาทอลิกของเรานั้น
พระคัมภีร์ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิตคริสตชน เพราะ
พระคัมภีร์คือหนังสือที่บันทึกพระวาจาของพระเจ้า
ที่ทรงเผยแสดงพระธรรมล้ำลึกของพระองค์ให้กับมวลมนุษย์ ดังนั้นหนังสือพระคัมภีร์จึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการที่เรามนุษย์จะสามารถเรียนรู้ถึง
ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีที่พระเจ้าทรงมีต่อเรามนุษย์
หนังสือพระคัมภีร์จึงเป็นเสมือนหัวใจของพระศาสนจักร เพราะระเบียบ ข้อปฏิบัติ และ
แนวทางในการดำเนินชีวิตของเราคริสตชน ก็มีที่มาจากหนังสือพระคัมภีร์ทั้งสิ้น
ปราศจากเสียซึ่งหนังสือพระคัมภีร์เสียแล้ว
เราคริสตชนก็คงไม่มีแก่นสารใดๆที่จะทำให้เราเรียนรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เลย
วันวันนี้จึงเป็นวันที่พระศาสนจักรทั่วโลกรณรงค์ให้เราคริสตชนทุกคน
หันมาให้ความสำคัญกับหนังสือพระคัมภีร์ ซึ่งพ่อคิดว่าในทางปฏิบัติแล้ว
เราทุกคนควรที่จะสนใจในการอ่านหนังสือพระคัมภีร์ทุกๆวัน
เพราะนี่คือหนังสือศักดิ์สิทธิ์
ที่เป็นประดุจลายแทงขุมทรัพย์ที่ช่วยเราแต่ละคนให้พบกับ
ทรัพย์สมบัติที่มีคุณค่ามหาศาล ที่ไม่รู้จักเสื่อมสลาย
ใครก็ตามที่ได้ครอบครองทรัพย์สมบัตินี้ เขาจะเป็นผู้มั่งคั่งมั่งมี
ด้วยทรัพย์ศฤงคารที่ช่วยให้เราค้นพบกับความสุขที่อิ่มเอมเปรมใจชนิดที่ว่า
เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
ด้วยเหตุนี้พ่อจึงขอเชิญชวนให้เราคริสตชนคาทอลิกทุกคนได้เปิดหนังสือพระคัมภีร์ขึ้นมาอ่านทุกวัน
พี่น้องอาจจะเริ่มต้นจากการอ่านไบเบิ้ลไดอารี่ก็ได้ เพราะเป็นการเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด
แต่กระนั้น เราก็ควรที่จะอ่านพระคัมภีร์ให้จบ อย่างน้อย 1 จบ ทั้งภาคพันธสัญญาเดิม
และ ภาคพันธสัญญาใหม่
เพราะนี่คือสาระที่มีคุณค่ากับชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราอย่างแท้จริง ถ้าเราละเลย
ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่สนใจใยดี แล้วเราจะตอบพระเจ้าได้อย่างไรว่า
เรารู้จักพระองค์ รักพระองค์ ในเวลาสุดท้ายที่พระองค์จะถามเรา
เพราะในระหว่างที่เราดำรงชีวิตอยู่ เราไม่เคยให้เวลา
อ่านถึงพระประสงค์ของพระองค์ที่ได้สื่อความถึงเรามนุษย์โดยผ่านทางพระคัมภีร์เลย
วันนี้พ่ออยากเชิญชวนให้พี่น้องร่วมกันบริจาคเพื่อการทำงานด้านการแปล
การจัดพิมพ์หนังสือพระคัมภีร์
และการรณรงค์เพื่อให้เราคริสตชนค้นหาแก่นแท้ของการดำเนินชีวิตโดยยึดพระคัมภีร์เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของเราครับ
คุณพ่อ สุพจน์
เราเชื่ออะไร
ทำไมพระเยซูต้องมารับพิธีล้างบาปจากยอห์น
บรรดาคนบาป หญิงโสเภณี คนเก็บภาษีออกไปหาประกาศกยอห์นเพื่อรับพิธีล้าง
เพราะพวกเขาใฝ่หาเครื่องหมายของการเป็นทุกข์กลับใจ เพื่อจะได้รับการอภัยบาป
การรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้าจึงดูจะเป็นปัญหาสำหรับคริสตชนสมัยแรก
เพราะพิธีนี้เรียกร้องการสารภาพบาปของตน
รวมทั้งความพยายามละทิ้งชีวิตเก่าที่ไม่ดีเพื่อมาดำเนินชีวิตในหนทางใหม่กับพระเจ้า
คริสตชนจึงตั้งคำถามว่าพระเยซูเจ้าจะทรงเคยทำบาป
และนำมาสารภาพในพิธีล้างได้อย่างไร กล่าวได้อีกอย่างคือ
พระเยซูไม่จำเป็นต้องรับพิธีล้างนี้เลย เพราะพระองค์ย่อมไม่มีบาป
ความจริงคือพระเยซูเจ้าทรงยอมรับพิธีล้างนี้
เพื่อแสดงให้เราเห็นสองอย่างคือ
พระองค์ยินดีรับบาปของเรามนุษย์ทั้งหมดไว้ในพระองค์
ทรงเริ่มภารกิจแรกของพระองค์ด้วยการยืนยันที่จะรับบาปของมนุษย์ไว้บนบ่าของพระองค์
นอกจากนี้ พระองค์ทรงเข้าใจดีว่าการรับพิธีล้างของพระองค์
เป็นการบ่งบอกล่วงหน้าถึงพระทรมาน การยอมรับความตายเพราะเห็นแก่บาปของมนุษยชาติ
และที่สุดคือการกระทำล่วงหน้าของการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ด้วย ผ่านทางศีลล้าง
อันหมายถึงการทรงถูกจุ่มลงรับความตายในน้ำ และกลับขึ้นมาจากความตาย ขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นจากน้ำ
ภาพของท้องฟ้าที่เปิดออกเหนือพระเยซูเจ้า
และเสียงจากสวรรค์ จึงเป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ที่มีความสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า
ผู้ทรงปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาอย่างสมบูรณ์
เสียงนั้นไม่ได้เปิดเผยว่าพระเยซูเจ้าทรงได้ทำอะไร
แต่ประกาศยืนยันว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด “บุตรที่รัก และที่โปรดปรานของเรา”
(ลก 3: 22)
“ในองค์พระเยซูคริสต์
พระเจ้าทรงรับโฉมหน้าของมนุษย์ เพื่อกลายมาเป็นเพื่อน และพี่น้องของเรา”
โจเซฟ รัตซิงเกอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น