สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
เราเข้าสู่สัปดาห์ที่สองในเทศกาลมหาพรตแล้วนะครับ
อีกไม่นานเทศกาลปัสกาก็จะมาถึงเราในไม่ช้า
พ่อคิดว่าข้อคิดง่ายๆที่ช่วยให้เรานำไปสู่การปฏิบัติในเทศกาลมหาพรตก็คือ
การดำรงชีวิตเรียบง่าย และค้นพบความสุขในสิ่งเล็กน้อยที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเราในแต่ละวันนั่นเอง
ดังที่เรื่องราวต่อไปนี้ที่พ่ออ่านพบมา
ชายชราชาวจีน 3 คนนั่งคุยกันถึงความหลังสมัยเรียนมัธยม
ที่ระเบียงบ้าน ควันบุหรี่อ้อยอิ่งลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
บรรยากาศยามเย็นช่างน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก คนแรกเคยเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล
อีกคนหนึ่งเคยเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
ส่วนคนที่สามเป็นชาวบ้านธรรมดาๆประกอบอาชีพทำนาทำสวน
หัวข้อสนทนาของพวกเขาล่วงเลยไปถึงความปรารถนาที่พวกเขาอยากจากบรรลุถึงในช่วงเวลาของชีวิตที่เหลือ
คนแรกบอกกับเพื่อนๆว่า สิ่งที่เขาปรารถนานั้นมีเพียงสองสิ่ง
นั่นคือได้นั่งจิบชารสอร่อยที่บรรจุในถ้วยชาที่ทำด้วยพอร์ซแลนราคาแพง กับ
ม้าสีขาวสง่างามสักตัวที่พร้อมจะพาเขาท่องตระเวณไปในท้องทุ่งธรรมชาติที่งดงาม
เพื่อนคนที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พูดถึงความฝันของตัวเองว่า
สิ่งที่เขาต้องการก็คือ โกโก้ร้อนๆสักถ้วย และสายตาที่ดี กับหนังสือที่น่าอ่าน
ที่เขาจะใช้เวลาทั้งวันชื่นชมกับเนื้อหาที่น่าติดตามอันจะทำให้ชีวิตของเขาเพลิดเพลินเจริญใจ
ส่วนคนสุดท้ายซึ่งเป็นชาวนาบอกว่า
เขาไม่ต้องการอะไรพิเศษสำหรับอนาคตแต่อย่างใด
ขอแต่เพียงให้ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างเช่นเคย ให้มีดวงตะวันส่องแสง
มีสายน้ำสะอาดบริสุทธิ์
และนกนานาชนิดร้องส่งเสียงรอบๆรังมันที่อยู่บนต้นไม้ในสวนหลังบ้านของเขาก็พอใจแล้ว
ปรากฏว่าคืนนั้นเอง เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศจีน
เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ทำลายความฝันของผู้ชราที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ผู้นั้นลงเสียย่อยยับ
ถ้วยชาล้ำค่าของเขาแตกละเอียด
ม้าสีขาวของเขานั้นก็จบชีวิตลงเพราะกำแพงโรงนาพังลงมาทับมัน
ในขณะที่ชายชราคนที่สองที่เคยเป็นอาจารย์ก็เช่นกัน
แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้เขาต้องกลายเป็นผู้พิการ ถ้วยโถโอชามในตู้โชว์ของเขาก็แตกเสียหายหมด
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น หนังสือที่เขาสะสมมาเป็นเวลานานก็ถูกไฟไหม้เสียหายจนหมดสิ้น ส่วนความปรารถนาของชายชราคนสุดท้ายนั้น
แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่มีผลต่อความฝันของเขาแต่อย่างใด
เพราะดวงอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นเป็นปกติ บ่อน้ำของเขาก็เต็มไปด้วยสายน้ำใสบริสุทธิ์
และ เหล่านกในอากาศก็ยังคงร้องส่งเสียงไพเราะอยู่ในสวนหลังบ้านของเขาเช่นเดิม
เรื่องเล่านี้สอนเราด้วยภาษิตของชาวจีนโบราณที่ว่า "ผู้มีความสุขคือผู้ที่ไม่หลงใหลไปกับความฝันที่จะได้มาในสิ่งใหญ่โต
แต่สุขใจไปกับของขวัญเล็กน้อยที่พระเจ้าประทานให้ในแต่ละวัน"
พ่อสุพจน์
.....................................................................................................................
พี่น้องที่รักทุกท่าน
อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่
2 เทศกาลมหาพรตแล้ว
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วไม่รู้ว่าความตั้งใจของการเข้าร่วมจิตตารมย์มหาพรตนั้นได้เริ่มต้นแล้วหรือยัง
หรือทำได้มากน้อยเพียงใด วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
เทศกาลมหาพรตเปรียบเสมือนกับการเดินทางของชีวิต
มีบ้างบางครั้งที่ชีวิตของเราเหมือนกับการอยู่กับพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร
พระองค์ทรงนำเราขึ้นไปบนภูเขาแห่งการภาวนา และเข้าสู่ประสบการณ์แห่งแสงสว่าง
เมื่อพระเจ้าทรงประทานช่วงเวลาแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้งให้กับเราเพื่อเป็นกำลังใจสำหรับการต่อสู้ในอนาคต
เหมือนกับอัครสาวกทั้งสามคนที่พระเยซูเจ้าทรงนำพาพวกเขาขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา
และได้มีประสบการณ์ในการเปลี่ยนพระวรกายของพระองค์
ศิษย์ทั้งสามคนนี้จำเป็นเหลือเกินที่จะต้องได้รับประสบการณ์เช่นนี้กับพระเยซูเจ้า
เพราะในอนาคตพวกเขาทั้งสามคนจะต้องเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ เปโตรต้องเป็นดังเสาหลักของพระศาสนจักร
ยากอบเป็นอัครสาวกคนแรกที่เป็นมรณสักขี ส่วนยอห์นจะมีชีวิตยืนยาวกว่าศิษย์คนอื่นๆ
และบันทึกพระวรสารฉบับที่สี่
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการรำพึงไตร่ตรองถึงการบังเกิดมาเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า
การอยู่กับพระเจ้าในถิ่นทุรกันดารไม่ใช่เพียงมิติของความยากลำบากของชีวิต
แต่เป็นมิติของการได้อยู่เงียบๆ กับพระเจ้า ได้ฟังเสียงของพระเจ้า
โดยอาศัยการภาวนา การรำพึง การไตร่ตรอง การคิดทบทวนถึงประสบการณ์ชีวิตต่างๆ
ในแง่มุมของความเชื่อ ซึ่งจะทำให้เราได้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับเราคริสตชน
ดังนั้นมหาพรตสำหรับเราจึงไม่ควรเป็นความทุกข์
หรือความเศร้า
แต่ควรจะเป็นความชื่นชมยินดีที่เราจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
จงหมั่นสวดภาวนา ทำพลีกรรม ใช้โทษบาป และอดออมเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่น
ปฏิบัติกิจเมตตาปราณี
เพื่อเพิ่มพูนพลังชีวิตทางด้านความเชื่อของเราให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
จะได้ไม่พ่ายแพ้ต่อการผจญต่างๆ
คุณพ่อศวง