“การไม่รู้จักพระคัมภีร์
คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (นักบุญเยโรม)
พี่น้องที่รัก
ขอเชิญให้อ่านสารมหาพรตปี
2020 ของพระสันตะปาปาฟรังซิส
ทางวัดได้ติดตั้งไว้ที่ข้างวัดและสนามหญ้าเทียม ตัวหนังสือใหญ่ดี
ค่อยๆอ่านและอยู่เงียบๆคิดไตร่ตรองบ้างว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง หรือจะใช้เอกสารคู่มือมหาพรตปี
2020 นำไปอ่านที่บ้านเพื่อทำ action plan
แผนปฏิบัติงานมหาพรตของตนเองก็จะช่วยให้เรามีส่วนร่วมในเส้นทางไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์กับองค์พระเป็นเจ้าอย่างดี
พ่อขอแย้มสารไว้เล็กน้อยดังนี้...
“...พระสันตะปาปากล่าวตรัสสอนมหาพรตปีนี้เรื่องอะไรเป็นสำคัญ
เหตุที่มาของเรื่องดังกล่าวเป็นเพราะอะไร พระองค์ชี้ให้เห็นความจำเป็นที่ต้องทำอะไรเพื่อตอบสนองเรื่องดังกล่าว
รวมทั้งมีวิธีการอย่างไรในการทำตามนั้น
และสรุปสุดท้ายของสารมหาพรตพระองค์ขอให้ช่วยเพื่อผู้อื่นอย่างไรบ้าง...”
ใครยังไม่ได้รับการโปรยเถ้าเชิญรับได้หลังมิสซา...
ทุกวันศุกร์ของเทศกาลมหาพรต
จะมีเดินรูปสิบสี่ภาคหลังมิสซา 17.30 น. และเดินรูปภาคภาษาจีนเวลา 14.00
น.การเดินรูปในวันอาทิตย์ เวลา 09.15 น.และ 17.00 น.(เว้นวันอาทิตย์ใบลาน) เดินรูปส่งท้ายมหาพรตในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ที่
10 เมษายน เวลา 18.15 น.
วันศุกร์ที่ 20 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.ถึงเสาร์ที่ 21 มีนาคมเวลา 17.00 น. 24 ชั่วโมงเพื่อพระเป็นเจ้ามีพิธีตื่นเฝ้า(ศีลมหาสนิท)ที่วัดพระจิตเจ้า และคืนวันศุกร์ตั้งเวลา 19.00-21.00 น.ที่วัดเซนต์หลุยส์มีพระสงฆ์ 10 องค์โปรดศีลอภัยบาป
วันอาทิตย์ใบลาน
วันที่ 5 เมษายน มิสซารอบ 08.00 น.เสกใบลานหน้าโถงศาลาหลุยส์มารีย์ของวัด(มีบริการใบลานฟรีแบบไม่ถัก)
และบ้านผู้สูงอายุนำใบลานถักสวยงามมาจำหน่ายเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้กับศูนย์ลำไทร
เฉพาะวันพฤหัส-ศุกร์และเสาร์ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์
พิธีรอบเดียวเวลา 19.00 น.
วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์
9 เมษายน
มิสซาอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้าและมีเฝ้าศีลที่วัดน้อยพระจิตเจ้า
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
10 เมษายน พิธีนมัสการไม้กางเขน
(เริ่มเดินรูปเวลา 18.15 น.)
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
11 เมษายน พิธีเสกไฟ (ที่หน้าศาลาหลุยส์มารีย์)เทียนปัสกา
น้ำศักดิ์สิทธิ์ และล้างบาปผู้ใหญ่และมิสซาค่ำคืนปัสกา รับน้ำเสกที่สนามหญ้า
และหน้าลานศาลาหลุยส์มารีย์
ตลอดเทศกาลมหาพรต
ให้พี่น้องสัตบุรุษทุกท่าน ได้แบ่งปันน้ำใจด้วยปัจจัยใส่ซองมหาพรตอย่างสม่ำเสมอ
วันอาทิตย์ปัสกา 12 เมษายน
สมโภชปัสกามิสซาทุกรอบตามปกติรับไข่ปัสกา ที่ศาลาและลานศาลาฯ
คุณพ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
"เริ่มต้นกันตั้งแต่
สัปดาห์แรกของเทศกาลมหาพรตนี่แหละ"
พระเจ้าทรงเอาฝุ่นจากพื้นดิน
มาปั้นมนุษย์และทรงเป่าลมแห่งชีวิตเข้าในจมูกของเขา
มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต.....แม้ว่า พระเจ้าตรัสห้ามว่า “อย่ากินหรือแตะต้องเลย มิฉะนั้นท่านจะต้องตาย”
แต่หญิงเห็นว่าต้นไม้นั้นมีผลน่ากิน งดงามชวนมอง
ทั้งยังน่าปรารถนาเพราะให้ปัญญา
นางจึงเด็ดผลไม้มากิน แล้วยังให้สามีซึ่งอยู่กับนางกินด้วย
เขาก็กิน
(เทียบ ปฐก 2:7, 3:3,7)
สัปดาห์แรกเทศกาลมหาพรต
สัปดาห์นี้ว่าด้วยเรื่องอาหารการกินทั้งนั้น เขาว่ากันว่า
"ลิ้นสำคัญที่สุด" ลิ้นหรือว่าปาก
เป็นได้ทั้งมอบความสุขหรือมอบความทุกข์ยากให้กับคนอื่น ลิ้นหรือปาก
ทำให้เราอดกลั้นยอมที่จะไม่ทาน หรือปล่อยตัวปล่อยใจ กินมันทุกอย่าง แต่พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น
แต่ดำรงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า.....
จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น”
(เทียบ มธ 4:4,10)
เหมือนกับเรื่องของอาดัมเอวาที่ตัดสินใจไม่ฟังเสียงของพระเจ้า
ตัดสินใจเลือกที่จะกินผลไม้ที่พระเป็นเจ้าทรงห้าม จริง ๆ แล้ว ลิ้นหรือว่าปาก
ก็ไม่ใช่ตัวการสำคัญ แต่กลับกลายเป็นว่าจิตใจของเรา
ที่อยากจะปรนเปรอตอบสนองต่อความต้องการของตัวเราคนเดียวเท่านั้น
ทำให้เราตัดสินใจเลือกปฏิเสธพระเจ้า, เลือกปฏิเสธเพื่อนพี่น้องคนอื่น,
เลือกตามใจตัวเอง, เลือกตามใจปากและลิ้นของตนเอง
สัปดาห์แรกของเทศกาลมหาพรตนี้
จึงขอปรับเปลี่ยน, เปลี่ยนว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับลิ้นหรือปาก แต่เราให้ความสำคัญกับ "หัวใจของเราที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า"
พระเยซูคริสต์เจ้าจึงย้ำเตือนเราว่า
"จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น".
.......เดชะพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียว ทุกคนที่ได้รับพระหรรษทานอย่างสมบูรณ์และความชอบธรรมเป็นของประทาน ก็ยิ่งจะมีชีวิตและมีอำนาจปกครองมากขึ้น..... มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด มวลมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรม เพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น (รม 5:17,19)
ดังนั้นในสัปดาห์แรกของเทศกาลมหาพรตนี้
ไม่ว่าเราจะพยายามสวดภาวนาเป็นพิเศษ, พยายามที่จะทำกิจเมตตาดีกันเป็นพิเศษ,
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พยายามที่จะอดอาหาร
ขอให้เรา ใช้คุณค่าที่ดีที่เหมาะสม กับอาหารที่เราจะทาน
ด้วยการที่เราเริ่มต้น ให้หัวใจของเรานั้นรักพระเยซู,
รักพระเจ้า, รักเพื่อนพี่น้องของเรา โดย
อดใจ อดกลั้น อดอาหาร มีส่วนที่เหลือจากการตั้งใจนี้ เราสะสมรวบรวมและนำไปแบ่งปัน
ให้กับเพื่อนพี่น้องที่ต้องการความช่วยเหลือ เริ่มต้นกันตั้งแต่ สัปดาห์แรกของเทศกาลมหาพรตนี่แหละ
นกขุนทอง