สารวัดวันอาทิตย์ที่
3พฤศจิกายน2019
สมโภชนักบุญทั้งหลาย
พี่น้องที่รัก...
เดือนพฤศจิกายน
“โปรดระลึกถึงผู้ล่วงลับ”วันเสาร์ที่ 2 มิสซาเช้า 6.00 น.มิสซารับพระคุณการุณย์บริบูรณ์เพื่อผู้ล่วงลับครั้งที่
1 เนื่องจากเย็นวันเสาร์ที่ 2
เป็นมิสซาวันพระเจ้าจึงเลือนไปทำมิสซารับพระคุณการุณย์เพื่อผู้ล่วงลับมิสซาที่
2 และ 3 ในวันจันทร์ที่ 4 เวลา 17.30
น.และ19.00 น.มิสซาใน เวลา 19.00
น.วัดเซนต์หลุยส์ทำมิสซาเพื่อผู้ล่วงลับทั่วไป เชิญนำรูปบรรดาผู้ล่วงลับสวยงามไม่ใหญ่เกินขนาดกระดาษเอสี่(A4)เพื่อระลึกถึงเขาเถิด
และตลอดสัปดาห์ตั้งแต่ 2 ถึงวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน
สามารถภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับได้ที่สุสานหรือภายในวัด
เพื่อการรับพระคุณการุณย์สำหรับผู้ล่วงลับ โดยร่วมมิสซาอย่างดี แก้บาปรับศีลและสวดภาวนาตามพระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา
ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า ข้าแต่พระบิดา วันทามารีย์และพระสิริรุ่งโรจน์
ครั้งเดียว การรับพระคุณการุณย์ฯนี้สามารถรับได้วันละหนึ่งครั้งภายในวันที่ 2 ถึง
8 พ.ย.
นี่คือคำเชิญชวนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
พ่อขอย้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำกิจเมตตาต่อผู้ล่วงลับด้วย
นับตั้งแต่นี้ต่อไป
พ่อคงเริ่มปฏิบัติภาระกิจการต้อนรับพระสันตะปาปาฟรังซิส อย่างเต็มรูปแบบ
หวังว่าพี่น้องคงมีความรู้สึกเช่นกัน พ่อคิด(เยอะ)นะ หลายคนที่เพิ่งมาขอลงทะเบียน
หลายคนถามถึงการรับบัตร หลายคนถามถึงการแต่งกาย
หลายคนถามถามว่าจะอยู่ตรงไหนของบริเวณรอบวัด
หลายคนถามว่าจะให้พระสันตะปาปาเสกสายประคำกับมือต้องทำอย่างไร
สิ่งมี่พ่อรู้สึกมากคือ...คำพูดของบางท่าน
“จะทำอย่างไรดี อยากร่วมมิสซาที่สนามกีฬา หรือมาที่วัดก็ยังดี”แถมมีน้ำตาไหลออกจากตาอีก
พ่อนอนไม่หลับจริงๆภาพมันหลอนพ่อ เพราะไม่รู้จะยาวนานอีกกี่ปี อีก 35 ปี
หรือมากน้อย หลายคนคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว รวมทั้งตัวพ่อเอง
ก็ได้แต่ทำปัจจุบันให้ดี
คือพอในสิ่งที่เป็นอยู่อย่างเต็มที่ ได้แค่ไหนก็แค่นั้นแต่ทำให้ดีที่สุด
ใครจะว่าลงทุนหรือมากไป ก็คิดว่าทำเพื่อการเป็นประจักษ์พยานข่าวดีของพระเยซูเจ้า
พระวรสารเรื่องราวของซักเคียสในวันนี้
ตรงเป๊ะเลย รีบตั้งตัวเองให้พระเยซูเจ้าเห็น และรีบลงมือปฏิบัติช่วยคนอื่นจนหมดจรด
ไม่ต้องกั๊ก ไม่ต้องยึกยัก และไม่ต้องมากท่าใดๆ
ขอเพียงแต่ได้ต้อนรับพระองค์อย่างที่ตัวเองหวังว่าสักครั้งในชีวิตได้สัมผัสใกล้ชิดพระองค์
ขอพระอวยพร
คุณพ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
สมโภชนักบุญทั้งหลาย : "ผู้ที่แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า
จงชื่นชมยินดีเถิด"
ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่ง......ร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ทั้งสี่องค์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำลายแผ่นดินและทะเลว่า “อย่าทำลายแผ่นดินหรือทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผาก ของบรรดาผู้รับใช้พระเจ้าของเรา” ......ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า “คนที่สวมเสื้อขาวเหล่านี้เป็นใคร และมาจากไหน” ...... เขาบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่มาจากการเบียดเบียนครั้งใหญ่ เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของลูกแกะ (วว
7:2-4,9-14)
"การถูกประทับตรา" ตามที่ทูตสวรรค์ท่านนี้ได้บอกนั้น หมายถึง "การผ่านการตรวจคัดกรอง"
หมายถึง "ผู้ที่ผ่านการคัดกรอง" นั้น เป็น "ผู้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะผ่านประตูเข้าไปได้" คำถามแรกที่เกิดขึ้นในความคิด ก็คือ ตัวฉันเอง
มีคุณสมบัติ "ดีเพียงพอ" ที่จะได้รับ
"การประทับตราไว้ที่หน้าผาก" แล้วหรือยัง
"คุณสมบัติของผู้ที่ผ่านการคัดกรอง"
ตามความหมายที่ทูตสวรรค์ท่านนี้ได้บอก คือ
"ผู้ที่สละชีวิตของตนเพื่อพระเจ้า" ผ่านทางความยากลำบากในชีวิตที่เขากล้าเผชิญหน้า
และมั่นคงไม่ยอมละทิ้งความเชื่อที่มีต่อพระ
เป็นความหมายเดียวกับข้อความในหนังสือวิวรณ์ที่บอกว่า
"เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของลูกแกะ".
ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง... ... ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์
เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์. (เทียบ 1ยน 3 : 2-3)
ในโลกทุกวันนี้
เราเผชิญหน้ากับความยากลำบากกับความท้าทายต่อความเชื่อของเราที่มีต่อพระ
ในจดหมายของนักบุญยอห์น ท่านเตือนใจเราว่า
ในทุกๆวันเราจำเป็นต้องชำระใจของตนเองให้บริสุทธิ์
เราจำเป็นที่จะต้องแสวงหาน้ำพระทัยของพระ
และเดินตามน้ำพระทัยของพระองค์ในชีวิตของเราในทุกๆวัน
ในคำท้าทายอีกทั้ง
เป็นทั้งคำถามและคำตอบด้วยในเวลาเดียวกันว่า
"ใครละจะสามารถพาตนเองขึ้นไปพบพระเจ้าได้
เราพบคำตอบนั้นในบทเพลงสดุดี "ใครจะขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ ใครจะยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ? ผู้มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ ผู้ไม่ใฝ่หารูปเคารพ ผู้ไม่สาบานเพียงเพื่อหลอกลวง คือพงศ์พันธุ์ที่แสวงหาพระองค์ แสวงหาพระพักตร์พระองค์" (สดด 24 : 3-4,6)
"ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา “ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก" (มธ 5:10-12ก)
วันนี้....จึงเป็นเวลาชวนให้เราเพิ่มเติมจิตใจดีงาม
เมื่อพบว่าเรายังมีความอ่อนแออยู่บ้าง
เพื่อเราจะสามารถพร้อมเป็น "ผู้ที่ถูกประทับตรา
เป็นผู้ที่ซักเสื้อของตนเองให้ขาวบริสุทธิ์ด้วยพระโลหิตของลูกแกะ เป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าจะเปิดอ้อมแขนต้อนรับเรา
เข้าไปรับรางวัลที่พระองค์จะประทานให้
วันนี้....จึงเป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดี
เรากำลังเดินทางเข้าไปรับรางวัลของเรา จากการเพียรแสวงหาพระ
พยายามเดินตามน้ำพระทัยพระองค์เสมอ
ด้วยชีวิตที่เป็นคนใจกว้างและมีจิตใจบริสุทธิ์
"จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก".
นกขุนทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น