สารวัดวันอาทิตย์ที่
9 มิถุนายน 2019
สมโภชพระจิตเจ้า
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 2019 นับเป็นวันครบรอบ 350 ปีของมิสซังสยาม
(1669-2019) สมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 9 แต่งตั้งให้ดินแดนของเรามีสถานะ
“มิสซัง”(MISSION
หรืออาจจะเขียนทับศัพท์ว่ามิซซัง)หมายถึงการมีผู้แทนของพระสันตะปาปา
และสืบต่อเนื่องจนมีพระสังฆราชเป็นหัวหน้ามิสซังและยกระดับให้มีฐานะเป็นสองอัครสังฆมณฑลและเก้าสังฆมณฑลจนสืบต่อเนื่องจนมาถึงทุกวันนี้
ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า
ถึงแม้ว่าจำนวนคริสตชนเป็นส่วนน้อยของประเทศ เพียงแค่ครึ่งเปอร์เซ็นต์
แต่ทุกคนต่างยังมีความเชื่อที่เข้มแข็งและยังคงเป็นเกลือ
แสงสว่างและเชื้อแป้งที่ยังคงนำพระวรสารสู่ปวงชนต่อไป
วันวานเมื่อก่อนโน้น
บรรดามิชชันนารีเดินทางมากรุงศรีอยุธยาพบคริสตชนจำนวนหลักพัน
แต่วันนี้ได้เติบโตใหญ่นับได้เรือนแสน จากวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา
กลายเป็นพระศาสนจักรคาทอลิกแห่งประเทศไทย ประกอบด้วยอัครสังฆมณฑล 2 แห่ง สังฆมณฑล
9 แห่ง วัด 526 แห่ง จำนวนพระสงฆ์ 442 องค์ นักบวชชาย 118 คน นักบวชหญิง 1,480 คน
ฆราวาสทั่วไปอีก 388,468 คน
(ใครสนใจรายละเอียดต้องหาอ่านจากหนังสือที่จัดจำหน่ายข้างวัด)
เมื่อการเริ่มต้นฉลอง 350 ปีมิสซังสยาม
บัดนี้พ่อขอเชิญชวนทุกท่านที่สามารถจัดซื้อหนังสืออ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และรายละเอียด
จะเป็นประโยชน์และทำให้เรามีความกระตือรือร้นในการช่วยพระพระเยซูประกาศพระวรสารสู่ปวงชนต่อไป
ณ บริเวณสนามหญ้าเขียวข้างวัด เฉพาะอาทิตย์นี้เท่านั้น
วันนี้เองจึงถือเป็นการเริ่มต้นการประกาศพระวรสารต่อไป
โดยเริ่มต้นเรียนพระธรรมคำสอนกลุ่มผู้ใหญ่ตั้งแต่วันนี้เพื่อเตรียมตัวรับศีลล้างบาปในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ปี
2020ตั้งแต่เวลา 15.00-17.00 น. ส่วนเด็กๆที่ไม่สะดวกในช่วงเดือนกรกฎาคมจะเริ่มสอนให้ในวันอาทิตย์นี้เช่นกัน
เรียนครั้งละประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง 9.00-10.30
น.เพื่อการเตรียมและปรับตัวให้พร้อมเพื่อรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
ทั้งสองกลุ่มนี้ใช้ห้องคำสอนของวัดและโรงเรียน
เดือนมิถุนายน
ชาวเรายังคงช่วยกันนำความรักและเมตตากรุณาของพระเจ้ามอบให้กับเพื่อนพี่น้องสามกลุ่มคือเด็กนักเรียนที่วัดนักบุญอันนา
ท่าจีน และแม่แจ่มเชียงใหม่ กับศูนย์คราลาเพื่อผู้ติดเชื้อHIV
โดยรวบรวมสิ่งของและปัจจัย และจะส่งมอบให้ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน
ความรักความเมตตาอยู่ที่ใด พระเจ้าประทับอยู่ที่นั่น
วันอาทิตย์ที่ 23
เป็นวันอาทิตย์สมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ดังนั้นมิสซา รอบ 10.00
น.เป็นมิสซาอัญเชิญศีลมหาสนิทรอบวัด(แห่)และอวยพรศีลมหาสนิท ทั้งหน้าวัดพระจิตเจ้า
หน้าศาลาหลุยส์มารีย์ และพระแท่นใหญ่ของวัดเซนต์หลุยส์ ขอเชิญชวนพี่น้องทุกคน ในมิสซานี่เอง
บรรดาเด็กและเยาวชนจะช่วยกันช่วยพิธีกรรม
เพื่อการเป็นศิษย์พระคริสตเจริญชีวิตประกาศพระวรสารสู่ปวงชน
คุณพ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
“เราอาจกำลังทิ้งพระไว้ข้างหลัง”
ครั้งหนึ่งขณะที่โดยสารด้วยสายการบินระหว่างประเทศสายการบินหนึ่ง
ซึ่งเป็นสายการบินที่ไม่ได้มีความประหลาดหรือพิเศษกว่าสายการบินอื่นๆที่เคยมีโอกาสได้นั่งมา
แต่ในความปกติธรรมดา พ่อพบว่ามันมีความไม่ธรรมดา มีความพิเศษอยู่
ในขณะที่เครื่องบินกำลังจะบินลงแตะรันเวย์ ที่หน้าจอมอนิเตอร์ทุกหน้าจอขึ้นข้อความ
เตือนให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัด(ซึ่งเป็นปกติของคำเตือนในทุกสายการบิน)
แต่ในข้อความนี้เองก็มีข้อความต่อท้ายที่พ่อไม่เคยพบเห็นในสายการบินอื่นๆ นั่นคือ
ขอให้ทุกท่านสวดภาวนาเพื่อให้การลงจอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้า
พ่ออ่านแล้วก็รู้สึกแปลกเพราะไม่เคยเห็นข้อความเหล่านี้ในสายการบินอื่นๆ
แต่ในความแปลกก็รู้สึกประทับใจในถ้อยคำที่สายการบินนี้ได้เขียนและสื่อสารออกมา
ในโลกของเทคโนโลยี
การสื่อสาร นวัตกรรมที่ทันสมัย เป็นต้นในการเดินทาง ทางอากาศที่มีเทคโนโลยีทันสมัย
และค่อนข้างปลอดภัยที่สุด(เทียบจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทางในแบบอื่นๆ) และค่อนข้างมั่นใจได้
ทั้งในตัวเทคโนโลยีและความสามารถของนักบินที่ได้รับการฝึกฝนมาจากประสบการณ์บิน
แต่ในความมั่นใจก็ยังมีความเชื่อที่แทรกซึมอยู่ในความมั่นใจที่มีนั้น
เพียงความสามารถของมนุษย์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ถ้าไม่ได้พึ่งพาพระเจ้า ไม่ได้พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่ละศาสนาเชื่อ
เรื่องนี้ทำให้พ่อเองได้กลับมาคิด
หลายครั้งในความเป็นมนุษย์เราอาจมั่นใจในความสามารถ ในเรื่องต่างๆที่คิดว่า เราแน่
เราเก่ง เราเจ๋ง จนเราลืมทิ้งพระเจ้าไว้ข้างหลัง จนเราลืมไปว่าคนที่ส่งเสริม
คนที่สนับสนุน คอยนำทางเรา และคอยผลักดันเราเสมอ คือพระ
เพียงแค่ความสามารถประสามนุษย์คงไม่เพียงพอถ้าไม่พึ่งพระเจ้าเลย
ในวันสมโภชพระจิตเจ้า ซึ่งเราถือว่าเป็นวันเริ่มต้นเป็นวันกำเนิดของพระศาสนจักร
หลังจากบรรดาอัครสาวกได้รับพระจิต
พวกเขามีความกล้าหาญและออกไปประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าให้แก่คนทุกเชื้อชาติ
เป็นการเริ่มต้นงานประกาศข่าวดีอย่างเป็นทางการของบรรดาอัครสาวก
พี่น้องที่รัก
ในวันเริ่มต้นในวันกำเนิดของพระศาสนจักร เป็นโอกาสที่เราแต่ละคนจะได้กลับมาทบทวนความเชื่อในชีวิตคริสตชนของเราแต่ละคน
เรายังมีพระควบคู่ไปในชีวิตประจำวันของเราอยู่เสมอหรือเปล่า ในครอบครัว ในที่ทำงาน
ในชุมชนละแวกบ้านที่เราอยู่
หรือเรากำลังมั่นใจในตัวของเราในความสามารถแบบมนุษย์ของเราจนเรากำลังดันพระไปอยู่ข้างหลังของเรา
ประโยคสั้นๆในเครื่องบินโดยสารที่พ่อได้แบ่งปันให้กับพี่น้องมันดังก้องขึ้นมาในความคิดขึ้นมา
ในความก้าวหน้า ในยุคเทคโนโลยี
ที่ดูเหมือนจะทำให้ความเชื่อเป็นเรื่องสวนทางกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
แต่จากเรื่องราวนี้กลับบอกเราว่า เทคโนโลยีที่ปราศจากความเชื่อในพระเจ้าต่างหากที่เป็นเรื่องน่ากลัว
จะดีกว่าไหมถ้าเทคโนโลยี
ความก้าวหน้าทันสมัยจะมีพระเคียงข้างไปอย่างน้อยก็ทำให้เรามั่นใจขึ้นว่า
เราไม่ได้เดินอยู่คนเดียวแต่มีอีกคนที่คอยประคับประคองและเดินไปกับเรา
ปลัดวัดสาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น