วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน2019
อาทิตย์ฉลองพระเมตตาและวันรื้อฟื้นศีลล้างบาปและศีลมหาสนิท

พี่น้องที่รัก...
       
          สันติสุข จงสถิตอยู่กับท่าน PEACE BE WITH YOU
        สัปดาห์ที่สองเทศกาลปัสกา วันฉลองพระเมตตา
        ขอแสดงความยินดีกับคริสตชนใหม่ ผู้ใหญ่ที่ได้รับศีลล้างบาปเมื่อคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
       ขอแสดงความดีใจกับเด็กที่ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
       ในวันนี้ บรรดาเด็กเยาวชน ทำการรื้อฟื้นคำมั่นสัญญาศีลล้างบาปและเป็นการรื้อฟื้นการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกเมื่อตอนเป็นเด็ก บัดนี้เริ่มโตเป็นเยาวชนแล้ว สมควรอย่างยิ่งทำการรื้อฟื้นศีลศักดิ์สิทธ์ทั้งสองประการ จะเป็นโอกาสทำให้เขาเจริญเติบโตทั้งวัยและการเข้าสู่สังคมศักดิ์สิทธิ์ ก่อนโน้นเราเรียกว่าศีลสง่า ในภายหลังพระศาสนจักรอธิบายและทำให้เราเข้าใจถึงการรื้อฟื้นการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นศีลแห่งความต่อเนื่องของชีวิตคริสตชนให้ผู้ใหญ่ช่วยแนะนำและทำให้เขากล้าเปลี่ยนแปลงชีวิตคริสตชนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
        มิสซาทุกรอบในวันนี้ เมื่อจบมิสซาแล้ว บรรดาลูกหลานจะเป็นบรรยากาศให้กับผู้อาวุโสขณะรับศีลเจิม จะทำให้มีกำลังใจและรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ได้รับพระพรแห่งการบรรเทาจิตใจและร่างกาย
        และในมิสซารอบเย็น 17.30 น.จะมีการแห่รูปพระเมตตารอบวัดด้วยขบวนแห่รูปพระเมตตาจะไปจบที่สนามหญ้าและถวายช่อดอกไม้
        เดือนหน้าพฤษภาคม กลุ่มวิถีชุมชนของวัดเซนต์หลุยส์จะเริ่มสร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ของการศึกษาพระวาจา การใช้ชีวิตการแบ่งปัน และการสวดภาวนาด้วยกัน หลังจากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 19 บรรดากลุ่มเหล่านี้จะได้เริ่มปรับการเจริญชีวิตด้วยกันให้มีขอบฟ้าใหม่และออกไปที่ลึกๆให้มากขึ้นเพื่อการนำพระวาจาของพระเยซูเจ้าไปสู่บุคคลอื่นๆมากขึ้น
        วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม นับเป็นวันสำคัญยิ่งของพระศาสนจักรไทย เพราะการเริ่มต้นการนำข่าวดีหรือพระวาจาของพระเยซูเจ้าเข้ามาในดินแดนสยามเป็นเวลา 350 ปีมาแล้ว จึงเป็นเวลาที่ดีที่พวกเราจะไปร่วมงานที่บ้านเณรเล็ก ยอแซฟ สามพราน ในวันดังกล่าวเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าและภาวนาให้กับประเทศไทยเพื่อทำให้เมล็ดพันธุ์พระวาจาจากบรรดาผู้หว่านในอดีตคือมิชชันนารีที่อุทิศตนทั้งกายและใจ บางท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้เขามาทำงานในประเทศไทย และบางท่านเหลือเพียงแต่ร่างที่ฝังลงในเนื้อนาบุญ จนกลายเป็นวัดและชุมชนความเชื่อที่ยังเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
        พวกเราจึงหวังว่าชุมชนความเชื่อของแต่ละแห่งจะมีชีวิตชีวาและช่วยกันทำให้ผลงานของผู้หว่านในอดีตให้เกิดดอกออกผลเพิ่มมากขึ้น จำนวนสถิตประชากรคริสตชนสามแสนเศษ ไม่ถึงศูนย์จุดห้า(0.50)หรือครึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่เราหวังว่านัลแต่นี้ต่อไป เราจะกล้าออกไปที่ลึกและทำให้ขอบฟ้าใหม่มีแสงรำไรชัดเจนขึ้น ซึ่งหมายถึงการกล้าประกาศพระวาจาและยืนยันความเชื่อย่างเข้มแข็งต่อหน้าผู้ที่ยังไม่รู้จักพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับฟื้นพระชนมชีพอย่างแท้จริง
        พระเยซูเจ้าตรัสไว้ “เราเป็นหนทาง ความจริงและชีวิต...ผู้ที่เป็นศิษย์ของเราต้องเสียสละตนเอง แบกไม้กางเขนและติดตามพระองค์ทุกวัน...

คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


บอกกล่าวเล่าเรื่อง
รักของพระไม่มีวันหมดอายุ

        สัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของค่ายคำสอนปี 2019 พ่อทั้ง 3 และทีมงานคำสอนภาคฤดูร้อนพาเด็ก ๆ คำสอนและทีมงานคำสอนมาที่หัวหิน เพื่อให้เด็ก ๆได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ผ่านทางการเรียนรู้คำสอนนอกสถานที่ เด็ก ๆ มีโอกาสได้เรียน ได้เล่นอย่างเต็มที่ และยังมีโอกาสได้ฟื้นฟูจิตใจไปในตัวก่อนจบค่ายคำสอน และก่อนจะรับศีลกำลังเป็น พิเศษสำหรับเด็กจำนวนหนึ่งในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2019 นี้ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ

            พ่อสังเกตว่า ตั้งแต่ก่อนจะออกเดินทาง เด็ก ๆ มากันแต่เช้า ส่งเสียงสนุกสนานกันอยู่หน้าบ้านพ่อ ขึ้นรถก็มีกิจกรรมคุยกันสนุกสนาน ตั้งแต่รถออกจนถึงสถานที่พักแบบไม่มีจังหวะไหนที่เด็ก ๆ หลับหรือเงียบไป  พ่อสัมผัสถึงความสุขที่เด็ก ๆ ได้รับ ผ่านกิจกรรม ผ่านบุคคลรอบข้าง หลาย ๆ คน ทีมงานคำสอน เพื่อน ๆ ในค่ายคำสอน พ่อได้บอกกับเด็ก ๆ ถึงเรื่องนี้ และบอกกับพวกเขาว่า ภาพเหล่านี้เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักที่พระมีต่อเราผ่านสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้รับ ซึ่งบางทีเราอาจไม่รู้ตัวและไม่ได้คิดถึง และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องในชีวิต ที่เราได้รับความรักและพระเมตตาจากพระแบบที่เราคิดไม่ถึง อย่าลืมขอบคุณพระเสมอๆ

            ในชีวิตของเราก็เช่นกัน ทุก ๆ วัน เราได้รับความรักจากพระผ่านทางเหตุการณ์ต่าง ๆ บุคคลต่าง ๆมากมาย แต่เราอาจมองข้าม เป็นต้นเวลาที่เราสุขสบายดี แต่เวลาที่เรามีปัญหา มีความทุกข์  เรามักทวงความรักจากพระ จนถึงต่อว่าพระ ว่าพระองค์หายไปไหน แต่ในความเป็นจริง พระอยู่ในทุก ๆ เหตุการณ์ในชีวิตของเรา ทั้งสุขและทุกข์ ลองมองย้อนกลับไปในช่วงที่ทุกข์ ที่มีปัญหา และเราสามารถผ่านมันไปได้ ใช่เพียงเราหรือไม่ ที่ทำให้ผ่านปัญหาเหล่านั้น หรือยังมีใครที่โอบอุ้มประคองเรา จนสามารถผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ ใช่ความรักของพระไหม 
                                                                                                            ปลัดวัดสาทร

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน2019
อาทิตย์สมโภชปัสกาและวันรับศีลมหาสนิทครั้งแรก

พี่น้องที่รัก...
       
          สุขสันต์วันปัสกา พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจริงแล้ว อัลเลลูยา อัลเลลูยา”
        วันอาทิตย์ปัสกา 21 เมษายน สมโภชปัสกา HAPPY EASTER
มิสซาตามปกติ 06.00/08.00/10.00/12.00และ17.30 น.
***หลังมิสซาทุกรอบเสกและมอบไข่ปัสกาณ ที่จุดรับศีลมหาสนิท โปรดรักษาแถวเรียบร้อยด้วย
       ในมิสซารอบ 10.00 น.พิธีรับศีลมหาสนิทครั้งแรกของเด็กๆ น่าจะเป็นความชื่นชมยินดีทวียิ่งขึ้น
                 เพราะนี่คือหนทาง ที่พวกเด็กติดตามพระเยซูเจ้าผ่านทางการเรียนความสอน
             เข้าใจถึงความจริงจากศีลมหาสนิทเป็นอาหารศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูเจ้าเลี้ยงดูชาวเรา
                และเป็นชีวิตของพระองค์เองอย่างแท้จริงเมื่อเราได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ดังที่นักบุญเปาโลใช้คำว่าพระองค์ซ่อนอยู่ในตัวเรา หรือสำแดงพระองค์เองในตัวของเราแต่ละคน
        ขอแสดงความยินดีกับเด็กๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็วและสนุกสนาน เพราะเรียนในห้อง เล่นในสนามและทัวร์รอบนอกห้องและสนาม  เสาร์ที่ 27 เป็นเวลาของเด็กโตจะรับศีลกำลัง จำนวน 16 คน ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ พร้อมพ่อและแม่ทูนหัว นำพาโดยซิสเตอร์และครูคำสอน พร้อมเยาวชนพี่เลี้ยง ในวันจันทร์ 22 ถึงพุธ 24 เด็กคำสอน พร้อมซิสเตอร์ คุณครู และเยาวชนพี่เลี้ยง โดยการดูแลของพ่อพรชัยและพ่อวีรยุทธ นำพาไปค่ายคำสอนภาคพิเศษ “ธรรมทูตน้อยของพระเยซูเจ้า”ที่บ้านเพชรสำราญ หัวหิน สถานที่พักเรียบร้อย สะอาด ปลอดภัย และเหมาะสำหรับบรรดาเด็กๆทั้งหลายด้วย
        ขอขอบพระคุณซิสเตอร์ ครูคำสอน และเยาวชนพี่เลี้ยงที่มาดูแล ทำกิจกรรม และยังเพิ่มเติมความรู้คำสอนเพื่อการรื้อฟื้นศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งศีลล้างบาปและศีลมหาสนิทครั้งแรกที่เคยเรียนตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นในวันพระเมตตาตรงกับวันอาทิตย์ที่ 28 พวกเขาจะมารื้อฟื้นคำมั่นสัญญาแห่งศีลล้างบาปและการรับศีลมหาสนิท
        วันพระเมตตามิสซารอบเย็น 17.30 น.จะมีการแห่รูปพระเมตตารอบวัดด้วยขบวนแห่รูปพระเมตตาจะไปจบที่สนามหญ้าและถวายช่อดอกไม้
        วันพระเมตตายังมีโปรดศีลเจิมกับผู้สูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปทุกรอบเช่นเดิม(ปรารถนาจะรับศีลเจิมเพื่อสุขภาพทั้งกายและจิตใจ) ลูกๆหลายพาแบบครอบครัวจะสร้างบรรยากาศที่ดีมาก (สำหรับผู้ที่รับมาแล้วภายในเดือนนี้ไม่จำเป็นต้องรับอีก ผลของศีลเจิมนั้นควรมีระยะห่างหลายๆเดือนหน่อย)ลูกหลานของผู้สูงอายุให้แจ้งเจตนากับพระสงฆ์ท่านใดก็ได้

คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


บอกกล่าว เล่าเรื่อง

คำสอนกำลังจะจบ แต่ความเชื่อของเด็กๆจะยังคงต้องได้รับการดูแลและส่งเสริมต่อๆไป
ก่อนอื่นคงต้องขอสุขสันต์วันปัสกา HAPPY EASTER แด่พี่น้องทุกๆท่าน ขอพระเยซูผู้กลับคืนชีพทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็ง มีชีวิตชีวาและมีพลังอยู่เสมอๆ
ตลอดเดือนเมษายนที่วัดเซนต์หลุยส์ จัดให้มีการเรียนคำสอนภาคฤดูร้อนโดยเริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม เป็นต้นมาเพื่อเตรียมเด็กๆ สำหรับการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ตามวัยที่พวกเขาควรจะได้รับ และเป็นการเรียนรู้เพิ่มเติมคำสอนเพิ่มพูนความเชื่อของเด็กๆ และเป็นโอกาสที่เด็กๆ จะได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างเพื่อนๆ ร่วมความเชื่อ ในปีนี้มีเด็กๆ ที่มาเรียนคำสอนร่วมๆ 30 คน เป็นกลุ่มเด็กที่เตรียมตัวสำหรับการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ และยังมีเด็ก ๆ และเยาวชนจำนวนหนึ่งที่มาเรียนรู้คำสอนเพื่อเพิ่มเติมความรู้และช่วยเป็นพี่เลี้ยงอีกร่วม 20 คน สลับหมุนเวียนกันมา ไม่รวมบรรดาอาสาสมัครนักศึกษาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ที่มาช่วยจัดกิจกรรมให้กับเด็ก ๆ ในภาคบ่ายอีกร่วม 10 กว่าชีวิต มีทีมงานคำสอนที่ประกอบไปด้วย คุณครู ซิสเตอร์ และมีบรรดาคุณพ่อที่แวะเวียนมาเยี่ยม ให้การอบรม  ให้กำลังใจ พบปะพูดคุยกับเด็กๆ ถวายมิสซาให้เด็กๆ รวมๆ แล้วเรามีจำนวนสมาชิกที่ร่วมในค่ายคำสอน ทั้งที่อยู่ประจำและแวะเวียนมาร่วมมาช่วยในกิจกรรมต่าง ๆ นี้กว่า 60 ชีวิต จนเราพูดกันเล่น ๆ ว่าทีมงานเราจริง ๆ มากกว่าเด็ก ๆ ที่มาเรียนคำสอนซะอีก แต่ก็เป็นบรรยากาศของความเชื่อที่มีชีวิตชีวาของชุมชนวัดเซนต์หลุยส์ของเรา ที่น่าชื่นชมก็คือพี่ ๆ ที่เรียนคำสอนไปก่อนแล้ว ก็มาดูแลน้อง ๆ ที่กำลังเรียนอยู่สลับ ๆ กันไป ก็เป็นบรรยากาศที่ควรรักษาไว้
เราผ่านมาถึงช่วงท้าย ๆ ของการเรียนคำสอนภาคฤดูร้อนในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ปัสกาเด็ก ๆ จำนวนหนึ่งที่ได้เตรียมตัวและมีความพร้อมจะรับศีลมหาสนิทครั้งแรก พ่อขอร่วมแสดงความยินดีกับคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้องและตัวเด็ก ๆ ทุก ๆ คนที่จะได้รับพระเยซูในศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นการเติบโตอีกก้าวหนึ่งในความเชื่อคริสตชน ขอพี่น้องได้สนับสนุนส่งเสริมลูก ๆ หลาน ๆ ของเราต่อ ๆไป เป็นต้นคุณพ่อคุณแม่ในการเอาใจใส่ให้พวกเขาได้เติบโต และมีความเชื่อที่เข้มแข็งผ่านทางการเสริมสร้าง               บรรยากาศคริสตชนในครอบครัว การส่งเสริมให้บุตรหลานปฏิบัติกิจวัตรการเป็นคริสตชน ร่วมมิสซาในแต่ละสัปดาห์ การสวดภาวนา ฯลฯ
และในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนคำสอนเด็ก ๆ จะไปร่วมกิจกรรมคำสอนสัญจรนอกสถานที่ ที่หัวหิน เด็ก ๆ จะได้ร่วมกิจกรรมคำสอน ใช้ชีวิตกลุ่มร่วมกัน เข้าเงียบร่วมกัน ก่อนที่จะจบค่ายคำสอนในปีนี้ และในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2019 ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ เด็ก ๆ อีกจำนวนหนึ่งก็จะรับศีลกำลัง เติบโตเป็นคริสตชนที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น                              ถัดมาในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2019 เด็ก ๆ ที่ผ่านการรับศีลกำลังมาตั้งแต่ปีก่อน ๆ ที่มาเรียนรู้เพิ่มเติม ก็จะทำการรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลล้างบาปและศีลมหาสนิทอย่างสง่า ที่พวกเขาเคยรับมาในครั้งก่อน ๆในมิสซาวันอาทิตย์นี้เอง
นี่เป็นกำหนดการและความเป็นไปต่าง ๆ ของค่ายคำสอนในปีนี้ ที่พ่ออยากจะแบ่งปันให้กับพี่น้อง เพื่อให้พี่น้องได้ทราบความเป็นไปของเด็ก ๆ ซึ่งเป็นลูก ๆ หลาน ๆ ร่วมความเชื่อของเรา และขอคำภาวนาจากพี่น้องเพื่อเด็ก ๆ ที่กำลังจะรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ นี้ จะได้เติบโตเป็นคริสตชนที่เข้มแข็งและมีความเชื่อที่มั่นคง และเป็นกำลังที่สำคัญของพระศาสนจักรเป็นต้นชุมชนความเชื่อวัดเซนต์หลุยส์ของเราต่อ ๆไป ค่ายคำสอนกำลังจะจบลง แต่ความเชื่อของเด็ก ๆ จะยังคงต้องได้รับการดูแลและส่งเสริมต่อ ๆ ไป        ในครอบครัวและในชุมชนวัดของเรา
                                                                                                            ปลัดวัดสาทร

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน2019
สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์
พี่น้องที่รัก...
        กำหนดการสัปดาห์สิทธิ์ 2019
        วันอาทิตย์ใบลาน 14 เมษายน ระลึกถึงการเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า
มิสซาทุกรอบเวลาตามปกติ  เฉพาะมิสซาเสกใบลานหน้าศาลาหลุยส์มารีย์คือรอบ 08.00 น.มีใบลานทั้งมอบให้ท่านละ 1 ใบ และถักสวยงามจำหน่ายช่อราคาละ 20 บาทเป็นต้นไป
***ขณะเสกใบลาน ให้ถือไว้กับมือ  ทางวัดขอสงวนเหลือเก็บไว้เพื่อสัตบุรุษรอบอื่นๆ
เฉพาะวันอาทิตย์นี้ไม่มีเดินรูป 14 ภาค
วันจันทร์ อังคารและพุธสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ มิสซาเช้าเย็นตามปกติ 06.00 และ 17.30 น.
        วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ 18 เมษายน ระลึกถึงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
              ***มิสซาเวลา 09.30 น.พิธีเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญและรื้อฟื้นศีลบวช
                มิสซาเวลา 19.00 น.พิธีล้างเท้าผู้แทนสัตบุรุษ 12 ท่าน ตื่นเฝ้าศีลมหาสนิท
                หลังบทภาวนารับศีลแล้ว เชิญชวนเงียบต่อหน้าที่พักศีลมหาสนิทสักครู่ใหญ่ 5 นาที
(หลังพิธีมิสซาเชิญศีลไปวัดพระจิตเจ้า โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ตื่นเฝ้าถึง 23.00)น.
ขณะแห่ศีลไปวัดพระจิตเจ้าเชิญชวนร่วมขับร้องเพลงแห่ศีลไปด้วยกัน       
21.00-21.30 น.    พลมารีไทยนำกลุ่มเฝ้าศีล
21.30-22.00น.     คณะพระสงฆ์และนักบวชนำกลุ่มเฝ้าศีล
22.00-22.30 น.    สภาภิบาลวัดและองค์กรต่างๆของวัดนำกลุ่มเฝ้าศีล
22.30-23.00 น.    อิสระส่วนตัว
        วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ 19 เมษายน ระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า
            กรุณาแต่งกายอย่างเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องชุดสีดำ
                เดินรูป 14 ภาค เวลา 18.30 น.
                พิธีนมัสการไม้กางเขนเวลา 19.00 น.
                 การนมัสการไม้ จูบหรือสัมผัส เดินเข้ามาแถวคู่กลางวัดอย่างเรียบร้อยเหมือนรับศีลไม่ต้องคุกเข่า
              ***เงินถวายนมัสการไม้กางเขนวันนี้เพื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์
        วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ 20 เมษายน ระลึกถึงการตื่นเฝ้า
พิธีเสกไฟและเทียนปัสกาหน้าศาลาหลุยส์ เวลา 19.00 น. 
พิธีเสกน้ำและล้างบาป ศีลล้างบาปผู้ใหญ่จำนวน 21 ท่าน
และสมโภชค่ำคืนปัสกา
***การรับน้ำเสก รับได้ที่ด้านหน้าประตูวัดทั้งสามด้าน กรุณารับอย่างเรียบร้อยครอบครัวละ 1 ขวด
เนื่องจากหน้าพระแท่นใหญ่เพื่อคริสตชนใหม่จะได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับครอบครัวหลังจากจบพิธี
มีข้าวต้มบริเวณหลังศาลา
        วันอาทิตย์ปัสกา 21 เมษายน สมโภชปัสกา
มิสซาตามปกติ 06.00/08.00/10.00/12.00และ17.30 น.
***หลังมิสซาทุกรอบเสกและมอบไข่ปัสกา
วันนี้ถุงเงินวินเซนต์เพื่อจิตตารมณ์มหาพรตจะได้รวบรวมส่งให้สภาพระสังฆราชเพื่อผู้ยากไร้
       

คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม



บอกกล่าว เล่าเรื่อง
ตามทันอาจไม่ได้หมายถึง เท่าทัน
            พ่อเรื่องนี้เป็นอย่างไร? เรื่องนี้จริงไหม? พ่อรู้เรื่องนี้หรือยัง? และสารพัดคำถามที่ถาโถมมาผ่านช่องทางการติดต่อที่สามารถทำได้ พร้อมภาพข่าวหรือเรื่องราวต่างๆ ที่ถูกส่งต่อกันมาในแต่ละวัน จากต้นทางจนถึงมือของเราแต่ละคน พ่อไม่รู้ว่าข่าวเหล่านั้นถูกส่งผ่านมากี่คน ข่าวสารยังคงมีเนื้อความถูกต้องครบถ้วนไหม ถูกเพิ่มถูกลดไปมากน้อยเพียงใด ไม่สามารถรู้หรือยืนยันได้เลยทันทีในเวลานั้น หรือทุกวันนี้พ่อเองเวลาอ่านและฟังสารพัดข่าว บางทีก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วใครพูดจริง ใครพูดความจริงไม่หมด ใครโกหก สารพัดสารเพ ทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมของสื่อเทคโนโลยี และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะรับรู้เรื่องราวข่าวสารตามสื่อต่างๆ จากอดีตเราที่เป็นผู้รับสื่อจากช่องทางต่างๆ ที่อาจมีช่องทางไม่มากนัก
พ่อยังจำได้ว่าเวลาที่เป็นนักเรียนหรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นต้นๆ เวลาที่มีแข่งขันฟุตบอลจากสโมสรในต่างประเทศ เป็นต้นทีมที่เราชอบเรามักอยากรู้ผลการแข่งขันเร็วที่สุด และสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในเวลาที่สื่อยังมีไม่มากนักก็คือ เช้าตื่นมารีบไปที่ห้องสมุดโรงเรียนเพื่อดูผลบอลจากหนังสือพิมพ์ ดูจะเป็นช่องทางรับสื่อที่เร็วที่สุดสำหรับพ่อในเวลานั้น แต่ทุกวันนี้แค่ลืมตามา ข่าวทุกอย่างอยู่แค่ในมือของเรา เรารับรู้เรื่องราวทั้งโลกเพียงแค่จิ้มนิ้วในเครื่องมือสื่อสารของเรา ดูเหมือนอะไรๆ ก็ง่ายขึ้น จากเคยเป็นผู้รับสารอย่างเดียวก็กลายเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งสารในเวลาเดียวกัน บางทีรับสารแบบยังไม่ได้อ่าน ไตร่ตรองก็ส่งต่อทันทีแล้ว กลายเป็นยุคที่ใครส่งเร็วกว่าได้เปรียบ ใครส่งได้ไวกว่ารู้มากกว่า ตามทันข่าวสารดีกว่า จนหลายครั้งขาดการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ว่าถูกหรือผิด ควร ไม่ควร เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม เอาไว เอาเร็ว ถือว่าเป็นคนตามทันสื่อสุดๆ ทันสมัยสุดๆ
พ่อเล่าเรื่องนี้เพราะรู้สึกว่าในโลกที่สื่อสารรวดเร็ว สะดวก ง่าย มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสื่อสารต่อการติดต่อสัมพันธ์ แต่หลายครั้งมันกลายเป็นพิษ ถ้าเราไม่ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เวลาที่เราคนใดคนหนึ่งรับรู้เรื่องราวต่างๆ มักมีลักษณะ 4 ประการที่สำคัญๆ พี่น้องลองสำรวจดูว่าเราอยู่ในลักษณะหรือขั้นไหน
1. ตื่นตระหนก(shock) ซึ่งอาจแสดงออกมา ด้วยอาการ นิ่ง ปฏิเสธ หรือหวาดกลัว
2. ถอยเพื่อตั้งรับ(defensive retreat) เกิดอาการ โกรธ ตัดพ้อ ขัดแย้งในตนเองในความคิดความรู้สึก
3. รับรู้(acknowledgement) ปล่อยวาง เริ่มสำรวจ (จริง เท็จ หาข้อมูล)
4. ยอมรับและปรับตัว (acceptance and adaption)ปรับตัว ยอมรับ เดินหน้าต่อ
แต่หลายครั้งคนเราก็หยุดอยู่แค่ลักษณะที่ 2 คือ ตื่นตระหนก ขัดแย้งในความรู้สึก และหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกจนขาดการไตร่ตรอง ใช้เหตุผล ในโลกที่สื่อสาร ข่าวสารมาไว จนบางทีอาจอยู่ในภาวะสำลักข่าวสาร ถ้าเราเพียงแค่ตามทัน นั่นคือเรื่องของการรับรู้ข่าวสาร ซึ่งเราแต่ละคนไวมากอย่างที่ได้บอกไป รับปุ๊บ ส่งปั๊บ ถูกผิดอีกเรื่อง
แต่ยังไม่เท่าทัน ก็คือในเรื่องของการมีสติ การใช้เหตุผล ในเรื่องการแยกแยะ เราก็กำลังตกเป็นเครื่องมือของสื่อของข่าวสารแทนที่สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือของเรา เร็วที่จะมีสติ ช้าที่จะไตร่ตรอง ช้าที่จะแยกแยะ ช้าที่จะคิดสักนิดก่อนจะเป็นผู้ส่งสาร คงไม่ทำให้เราเป็นคนไม่ทันสมัย ไม่ทันโลกไปหรอกครับแต่ตรงกันข้ามมันทำให้เรา เท่าทันและมีสติที่จะรับรู้มากขึ้น

                                                                                                            ปลัดวัดสาทร

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน2019
สัปดาห์ที่ห้าในเทศกาลมหาพรต
พี่น้องที่รัก...
        ในที่สุดเราก็มาถึงสัปดาห์สุดท้ายของมหาพรต การเข้าสู่สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยอาทิตย์พระทรมานของพะเยซูเจ้าเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เพื่อการฉลองปัสกาครั้งสุดท้ายของชีวิตของพระองค์แต่เป็นปัสกาใหม่ของชีวิตเราทุกคน ขอให้เราดูความหมายจากปกสารวัดฉบับนี้
        เชิญชวนผู้สูงอายุรับศีลเจิม หลังมิสซาทุกรอบในวันอาทิตย์นี้ ให้ลูกหลานแต่ละครอบครัวนำผู้อาวุโสที่ลุกเดินมาได้ มานั่ง ณ โต๊ะหน้าหรือนั่งในรถเข็นก็ได้ บรรดาพระสงฆ์จะโปรดศีลเจิมแต่ละท่านให้ เป็นบรรยากาศยกบ้านมาที่วัดเป็นแบบครอบครัวที่อยู่ในศีลในพรของพระเจ้าด้วยกัน ขอย้ำทุกรอบ หากใครพลาดวันอาทิตย์นี้ จะมีโปรดอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 28 อีกครั้ง ซึ่งเป็นวันฉลองพระเมตตาด้วย
        ขอแจ้งกำหนดการสัปดาห์สิทธิ์ ประจำปีนี้อีกครั้ง
        วันอาทิตย์ใบลาน 14 เมษายน ระลึกถึงการเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า
เฉพาะมิสซาเสกใบลานหน้าศาลาหลุยส์มารีย์ รอบ 08.00 น.รอบอื่นๆเป็นมิสซาตามปกติ
มีใบลานทั้งมอบให้ท่านละ 1 ใบ และถักสวยงามจำหน่ายช่อราคาละ 20 บาทเป็นต้นไป
เฉพาะวันอาทิตย์นี้ไม่มีเดินรูป 14 ภาค
        วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ 18 เมษายน ระลึกถึงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
                มิสซาเวลา 19.00 น.พิธีล้างเท้าผู้แทนสัตบุรุษ 12 ท่าน ตื่นเฝ้าศีลมหาสนิท
        วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ 19 เมษายน ระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า
                เดินรูป 14 ภาค เวลา 18.30 น.
                พิธีนมัสการไม้กางเขนเวลา 19.00 น.
        วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ 20 เมษายน ระลึกถึงการตื่นเฝ้า
พิธีเสกไฟและเทียนปัสกาหน้าศาลาหลุยส์ เวลา 19.00 น. 
พิธีเสกน้ำและล้างบาป 
และสมโภชค่ำคืนปัสกา
        วันอาทิตย์ปัสกา 21 เมษายน สมโภชปัสกา
มิสซาตามปกติ 06.00/08.00/10.00/12.00และ17.30 น.หลังมิสซามอบไข่ปัสกา
       
ขอรณรงค์เงินซองมหาพรต ครั้งสุดท้าย เพื่อจิตตารมณ์แบ่งปันการทำทาน จะได้รวบรวมส่งให้สภาพระสังฆราชเพื่อผู้ยากไร้ต่อไป
       

คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม
                                                                      
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
            อากาศร้อน ไม่น่ากลัวเท่า สังคมหัวร้อน
            เมื่อไม่นานมานี้ขณะขับรถอยู่กลางสี่แยกแห่งหนึ่ง ก็เห็นเหตุการณ์ชุลมุนเหมือนมีเวทีมวยมากางอยู่กลางสี่แยก คู่ชกมาจากค่ายรถสองยี่ห้อใหญ่ ที่คงตกลงกันไม่ได้ว่าควรจะให้รถใครผ่านไปก่อน เลยวางมวยเป็นการเดิมพัน พ่อไม่ได้เชียร์จนรู้ว่าใครชนะได้แต่ขับรถผ่านไปและไม่รู้บทสรุปว่าจบลงอย่างไร
            เราเข้าสู่เดือนเมษายน เดือนที่ใครต่อใครก็บอกว่าอากาศจะร้อนที่สุดในรอบปีแต่มานั่งคิดจริงๆ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาก็มีเรื่องร้อนๆ ข่าวร้อนๆ สถานการณ์ร้อนๆในประเทศของเราอยู่เป็นระยะๆ จนเอาเข้าจริงๆ แล้ว อากาศที่ว่าร้อน อาจไม่สู้สถานการณ์ หรือประเด็นร้อนๆที่แผดเผากันอยู่ทุกๆ วันในประเทศของเรา ความร้อนของสถานการณ์ทางการเมือง ความร้อนของอารมณ์ที่โถมใส่กันที่เห็นได้ตามหน้าสื่อต่างๆ จนลุกลามบานปลายไปถึงการลงมือลงไม้กัน เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตกัน ฯลฯ  ดูเหมือนความร้อนในเรื่องเหล่านี้จะจะน่ากลัวมากกว่าความร้อนของอากาศที่บอกว่าร้อนสุดๆ ในรอบปี
            ดูเหมือนความร้อนของอากาศยังไม่น่ากลัวเท่ากับความร้อนของใจ ความร้อนของอารมณ์ จนทุกวันนี้เรามักมีคำพูดทีเล่นทีจริงว่า สังคมไทยกลายเป็นสังคมหัวร้อนไปแล้ว จากที่เคยเป็นสังคมแห่งรอยยิ้ม สังคมของการช่วยเหลือ สังคมของการถ้อยทีถ้อยอาศัย สังคมแบบที่ว่าก็ค่อยๆ หายไป  เดือนเมษายนเข้าสู่ฤดูร้อนแบบจริงจัง แต่ดูเหมือนสังคมไทยจะเข้าสู่สังคมหัวร้อนมาสักระยะใหญ่แล้ว สิ่งที่เห็นจากสถานการณ์หัวร้อนก็คือ  อารมณ์ร้อน มาพร้อมความไม่ยั้งคิด และจบด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นี่เป็นสูตรของคนหัวร้อนในสังคมไทยตามหน้าสื่อต่างๆ ที่เราเห็น อารมณ์ร้อน ลงไม้ลงมือ และจบด้วยประโยคสุดคลาสสิก ขอโทษ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อไหร่ที่ให้อารมณ์เป็นนายเหนือเหตุผล เหนือความถูกต้อง เหนือทุกอย่าง ความหัวร้อนก็เกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่เว้นใคร อย่างเหตุการณ์หัวร้อนที่พ่อพบและเล่าให้ฟัง หรือจากเหตุการณ์หัวร้อนต่างๆ ตามสื่อที่เราพบได้ทุกวี่วัน
            พ่อเชื่อว่าทุกวันนี้เราทุกคนก็หัวร้อนกับหลายๆ เรื่องทั้งเรื่องของเรา และเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเราแต่เราก็เอามาและทำให้เรามีความขุ่นข้องใจสารพัดเรื่อง จนพาลหัวร้อนไปกับเรื่องเหล่านั้น และหลายครั้งอาจนำไปถึงความเสียหายต่อความสัมพันธ์ ต่อทรัพย์สิน เพียงเพราะอารมณ์ร้อนชั่ววูบหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อากาศร้อนแล้ว อย่าให้เราใจร้อน หัวร้อนยิ่งกว่าอากาศ ใจเย็นอีกนิด ค่อยๆคิด ใช้เหตุผลมากขึ้นหน่อย ทางออกของปัญหาที่ดีไม่ได้มาจากการใช้อารมณ์ บางทีทางออกที่ดีก็อยู่ในความใจเย็น อยู่ในความมีสติ อย่าเอาอารมณ์นำความรู้สึก นำทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้น เย็นลงอีกนิด ช้าลงอีกหน่อย คงไม่ทำให้เราไปถึงที่หมายช้าไปหรอก อากาศเดือนนี้ร้อนพอแล้ว อย่าให้อุณหภูมิใจ อุณหภูมิหัวมันร้อนขึ้นไปอีก มันจะยิ่งเผาไปกันใหญ่
                                                                                                                        ปลัดวัดสาทร