วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2561

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2018


สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
            วันเสาร์ที่ 22 กันยายน เริ่มมีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมการฝึกฝนเด็กๆช่วยมิสซาให้เข้ารูปเข้ารอยตามรูปแบบของ
พิธีกรรมเพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับการรับใช้พระเยซูเจ้ารอบๆพระแท่น และบรรดาผู้อ่านพระพระวาจาในมิสซาก็ได้รับการอบรม
เพิ่มเติมส่วนที่สำคัญในการทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่ขาดและไม่เกิน พอดีๆ หวังว่าจากบุคคลที่ใกล้ชิดพระแท่นจะทำให้พวกเราได้สัมผัสกับพระเยซูเจ้าผู้เป็นจุดรวมของเราในวันพระเจ้าอย่างมีชีวิตชีวาด้วยกันเสมอไป
                กันยายนยังคงเป็นการอ่านพระวาจาสู่สัปดาห์ที่สี่ของการอ่านพระวาจาและหนังสือศรัทธา ศูนย์คำสอนนำหนังสือ
พระคัมภีร์และศรัทธาต่างๆมาเป็นสัปดาห์สุดท้าย เพื่อบริการประทับใจให้ถึงมือถึงวัด เหลืออย่างเดียวถึงบ้าน แต่ใครที่ซื้อ
และเอาไปใช้ที่บ้านก็ถึงบ้านใช่เลย โครงการอ่านพระวาจานักบุญมาร์โกชุดละ 20 บาทน่าสนใจเหมาะกับครอบครัวมาก
                ขอเชิญสมาชิกขององค์กรวัดหรือกลุ่มงานทุกคนรักการอ่านพระคัมภีร์อย่างไรให้มีชีวิตชีวา น่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีการ
โดยเชิญคุณพ่อ สหพล ตั้งถาวร มาช่วยแนะนำใช้เวลาเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนประมาณครั้งละชั่วโมงครึ่งในวันอาทิตย์
ถ้าทำได้ก็ครบเครื่องเรื่องการประกาศข่าวดี ( อาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม เวลา 10.00-11.30 น.)
                เดือนหน้าเราเข้าสู่กิจกรรมเตรียมเฉลิมฉลอง 350 ปีมิสซังสยามด้วยความศรัทธาต่อการสวดลูกประคำตลอด
เดือนตุลาคม โดยเริ่มต้นเย็นวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม มิสซารอบ 17.30 น.แล้วต่อด้วยสวดลูกประคำในวัด บ้านหรือครอบครัว
หรือหมู่คณะนัดกันมาสวดด้วยกัน ตามเจตนาของแม่พระ บางบ้านยังคงมีธรรมเนียมสวดที่บ้านและยังเชิญแม่พระไปสวด
กันเอง ขอให้รักษาบรรยากาศนี้ไว้ ส่วนใครไม่สะดวกก็มาที่วัด ทุกอย่างพร้อมเพรียงสวดสายประคำ ประมาณวันอาทิตย์หน้า
จะมีเครื่องมือช่วยการสวดให้เป็นไปตามจุดประสงค์ครบเครื่องเรื่องการสวด
                1.เพื่อการเตรียม 350 ปีมิสซังสยามกับงานประกาศข่าวดี  2.เพื่อส่งเสริมสิทธิของเด็กในครรภ์  3.เพื่อครอบครัว
4.เพื่อพระกระแสเรียกพระสงฆ์และนักบวช และ 5.เพื่อการสร้างยุวชนและเยาวชนเติบโตให้เป็นศิษย์พระคริสต์
                ในวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม จะเป็นวันรวมพลังสวดสายประคำพร้อมเพรียงจากวัดต่างๆในเขตหนึ่งมาที่วัดเซนต์หลุยส์
เริ่มลงทะเบียนรับของที่ระลึกตั้งแต่เวลา 8.00 น.เป็นต้นไป จบลงด้วยมิสซาและถวายช่อดอกไม้แด่แม่พระ
                ขอบคุณทุกท่านและขอพระเจ้าอวยพร

                                                                                                พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
........................................................................................................................

 “ผู้ยากไร้ของพระเจ้า ผู้เดินตามพระองค์เสมอ”
“เราจงดักซุ่มทำร้ายผู้ชอบธรรม เพราะเขาทำให้เรารำคาญใจ  เขาตำหนิต่อต้านกิจการของเรา.....เราจงดูเถิดว่าคำพูดของเขาจะจริงหรือไม่  เราจงพิสูจน์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เขาในวาระสุดท้าย เราจงสาปแช่งและทรมานลองใจเขา ให้รู้ว่าเขาอ่อนโยนเพียงใด และจงทดสอบว่าเขาอดทนเพียงใด  เราจงตัดสินลงโทษให้เขาตายอย่างอัปยศ  ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด พระเจ้าจะทรงคอยดูแลเขา” 
                                                            (ปชญ 2:12,17,19-20)
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่ชาวอิสราแอลถูกจับและถูกเนรเทศหลายต่อหลายคนพบเห็นเหตุการณ์เลวร้าย ตัวเองก็ยากไร้ยากจน บ้านเมืองก็ถูกตีแตก ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี พวกเขาก็หมดความหวังไม่เชื่อมั่นและละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา
แม้มีประชากรของพระเจ้าที่สิ้นหวังและละทิ้งพระองค์ไปเป็นจำนวนมากมาย แต่ก็ยังมีประชากรของพระเจ้าส่วนหนึ่งที่ยังคงรักษาความเชื่อ ยังคงวางใจเฝ้ารอคอยพระสัญญาและความช่วยเหลือจากพระเจ้า  พวกเขาถูกเรียกว่า “ผู้ยากไร้ของพระเจ้า”
พวกเขาก็ยังเฝ้ารอคอยพระเจ้า แม้จะถูกท้าทายและดูถูกเหยียดหยาม "เราจงตัดสินลงโทษให้เขาตายอย่างอัปยศ  ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด พระเจ้าจะทรงคอยดูแลเขา”  (ปชญ 2:20) พวกเขาเฝ้ารอคอยการปกป้องคุ้มครองดูแลจากพระองค์ อย่างที่ไม่มีวันหมดความเชื่อวางใจไปจากพระองค์
“บุตร​แห่ง​มนุษย์​จะ​ถูก​มอบ​ใน​เงื้อม​มือ​ของ​คน​ทั้งหลาย เขา​จะ​ประหาร​ชีวิต​พระองค์ แต่​เมื่อ​ถูก​ประหาร​แล้ว ใน​วันที่​สาม​พระองค์​จะ​กลับคืน​ชีพ”  บรรดา​ศิษย์​ไม่​เข้าใจ​พระ​วาจา​นี้ แต่​ก็​ไม่​กล้า​ทูล​ถาม.....เขา​ก็​นิ่ง เพราะ​ระหว่าง​ทาง​เขา​ถกเถียง​กัน​ว่า ผู้ใด​ยิ่งใหญ่​กว่า​กัน  พระองค์​จึง​ประทับ​นั่ง แล้ว​ทรง​เรียก​อัคร​สาวก​สิบ​สอง​คน​เข้า​มา ตรัส​ว่า “​ถ้า​ผู้ใด​อยาก​เป็น​คน​ที่​หนึ่ง ก็​ให้​ผู้​นั้น​ทำ​ตน​เป็น​คน​สุดท้าย และ​เป็น​ผู้รับ​ใช้​ของ​ทุก​คน”  (มก 9:31-32,34-35)
               ผู้คนในทุกๆวันนี้ถูกโลกในปัจจุบันหล่อหลอมให้สู้รบปรบมือ ให้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ให้ได้เป็นที่หนึ่งไม่ยอมเป็นที่สองต้องมีต้องได้ ได้มากๆมากที่สุดแล้วก็ยังไม่พอ เพราะยังมีมากกว่า “มากที่สุดอีก” ให้ได้แย่งได้เช่นกัน
               ตัวอย่างของบรรดาอัครสาวกที่ถกเถียงกันเพื่อแย่งกันเป็นที่หนึ่ง ก็เป็นตัวอย่างที่เราได้เห็นเกิดขึ้นได้แม้ในศิษย์ของพระเยซู แต่พระเยซูเจ้าสอนเขาและสอนเราด้วยว่าศิษย์ของพระองค์จำเป็นที่จะต้องมีชีวิตเช่นนี้   “​ถ้า​ผู้ใด​อยาก​เป็น​คน​ที่​หนึ่ง ก็​ให้​ผู้​นั้น​ทำ​ตน​เป็น​คน​สุดท้าย และ​เป็น​ผู้รับ​ใช้​ของ​ทุก​คน”  (มก 9:31-32,34-35)  และนักบุญยากอบได้เพิ่มได้ขยายความที่ทำให้เราเห็นชีวิตติดตามพระเยซูคริสตเจ้าที่ชัดเจนว่า
"ที่​ใด​มี​ความ​อิจฉา​ริษยา​และ​ความ​ทะเยอทะยาน ที่​นั่น​ย่อม​มี​แต่​ความ​วุ่นวาย​และ​ความ​ชั่ว​ร้าย​นานา​ชนิด  ส่วน​ปรีชา​ญาณ​ที่มา​จาก​เบื้อง​บน ประการ​แรก​เป็น​สิ่ง​บริสุทธิ์ แล้ว​จึง​ก่อให้เกิด​สันติ เห็น​อก​เห็น​ใจ อ่อน​น้อม เปี่ยม​ด้วย​ความ​เมตตา​กรุณา บังเกิด​ผล​ที่​ดี​งาม ไม่​ลำเอียง ไม่​เส​แสร้ง"  (ยก 3:16-17)

                                                                                                            นกขุนทอง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น