พี่น้องที่รัก
วันที่ 31
ตุลาคม ส่งท้ายเดือนแม่พระ มิสซารอบ 17.30 เลื่อนไปเป็นเวลา 19.00 น.เพื่อเปิดโอกาสมาร่วมมิสซาโมทนาคุณแม่พระด้วยกัน
มาสวดสายประคำก่อนมิสซา เวลา 18.30 น. และต่อด้วยมิสซาเวลา 19.00 น.ส่งท้ายด้วยการแห่แม่พระหลังจบมิสซาแล้ว
(คงไม่มีใครถามว่ามิสซาแห่แม่พระกี่โมง
มีสวดสายประคำก่อนหรือหลังและมีแห่แม่พระไหม ชัดเจนแล้วนะครับ)
วันที่ 1 พฤศจิกายน
เป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
สำหรับเมืองไทยเลื่อนไปฉลองในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน
วันที่ 2 พฤศจิกายน
วันภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับ
ที่วัดเซนต์หลุยส์มีมิสซาตามปกติคือ รอบเช้า 06.00 น. และ 17.30 น.
และเพิ่มรอบพิเศษเพื่อให้ทุกคนที่ทำงานสามารถทันร่วมมิสซาในเวลา 19.00 น.ได้
ในรอบหนึ่งทุ่ม
เชิญชวนนำรูปหรือชื่อผู้ล่วงลับมาวางไว้ที่ขอบพื้นพระแท่นและจุดเทียน(ไฟฟ้า)แทนการไปเยี่ยมที่สุสาน
และภาวนาในมิสซาผู้ล่วงลับด้วยกัน
หลังมิสซาแล้วจะพรมน้ำเสกและถวายกำยานที่รูปให้(เหมือนไปเสกสุสาน)
ตลอดสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 8
พฤศจิกายน
พี่น้องสามารถมาสวดที่วัดเพื่อการรับพระคุณฯให้ผู้ล่วงลับได้วันละครั้ง
หรือไปเยี่ยมที่สุสานของพี่น้องผู้ล่วงลับเช่นเดียวกัน
มีคำแนะนำและคำท้วงติงเกี่ยวกับการตั้งศีลมหาสนิทว่าสวดสายประคำหรือภาวนาแบบทำวัตร
อันไหนจะดีหรือเหมาะสมกว่ากัน เกี่ยวกับการตั้งศีลและมีอวยพร
ปกติแล้วจะมีบททำวัตรหรือบทคัดเลือกมาจากพระคัมภีร์และต้องอยู่เฝ้าอย่างมีความสำรวม
และใช้เวลาตั้งแต่น้อยไปหามาก
โดยเฉพาะทุกวันศุกร์ต้นเดือนที่วัดจะมีการตั้งศีลก่อนมิสซาครึ่งชั่วโมง
ปัจจุบันนี้เริ่มตั้งศีลเวลา 17.00 น.และสวดสายประคำ 20 เม็ด และอวยพรศีลมหาสนิท
เพื่อให้เวลาพอดีกับการเริ่มมิสซาเวลา 17.30 น.และจบลงหลัง 18.00
น.และช่วยให้ผู้มาสวดให้ผู้ล่วงลับที่ศาลาเวลา 19.00 น. ซึ่งมักจะมีเสมอๆ
ขอให้ใช้วิธีการแบบนี้ไปก่อน ส่วนการสวดสายประคำขณะตั้งศีลในเดือนตุลาคมก็เช่นเดียวกัน
พ่อจะพิจารณาเพื่อความเหมาะสมต่อๆไป อีกข้อหนึ่งที่เสนอมาแบบเล็กน้อยคือเวลา 19.00
น.ให้สวดสายประคำ
ซึ่งเวลาที่ปรับเปลี่ยนคงมีเหตุผลแบบคนส่วนมากที่มีเวลาพอดีและช่วยให้สวดให้กับผู้ล่วงลับต่อเนื่องกันไป
คือมิสซา 17.30 น.สวดสายประคำอีกครึ่งชั่วโมง 18.30 น. มีเวลาได้พักสักนิดและ
19.00 น.ก็เข้าไปสวดที่ศาลา จบเห่พอดี!
จึงเหมาะสมแล้ว ขอขอบคุณในคำแนะนำและทักท้วง
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เราทุกคนมีเวลาทำกิจศรัทธาอย่าดีและเหมาะสม
“เดือนพฤศจิกายน
โปรดภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับ โดยเฉพาะวิญญานในไฟชำระ”
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
...................................................................................................................
บอกกล่าวเล่าเรื่อง
“ความสุขอยู่ใกล้เราแค่เอื้อม”
พี่น้องครับ สัปดาห์นี้พ่อและคุณพ่อเจ้าวัด ได้นำครอบครัวที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม
“เติมรักในครอบครัว” ไปที่พัทยา เพื่อฟื้นฟูชีวิตครอบครัว
เพื่อใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กลมเกลียวในครอบครัว และในชุมชนวัด แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆไม่กี่สิบครอบครัว
แต่ก็เป็นเหมือนเชื้อแป้งที่จะฟูขึ้นในความรักความผูกพัน เป็นต้นในครอบครัวของพวกเขา
และพ่อเชื่อว่ากิจกรรมที่ได้ทำร่วมกัน การเยี่ยมเด็กๆ ด้อยโอกาสที่ศูนย์สงเคราะห์เด็กพัทยา
กิจกรรมสัมพันธ์ร่วมกัน การแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ของกันและกัน สิ่งเหล่านี้เป็นพลัง
สิ่งเหล่านี้เป็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นและจะเป็นพลังขับเคลื่อนในครอบครัวต่อไป พ่อเชื่อว่าความสุขเล็กๆที่พบได้
บางทีเราเองไม่ได้คาดคิดว่ามันอยู่ใกล้ๆ ตัวเรา มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า “บางทีเรามัวมองหาสิ่งที่ขาด
จนพลาดสิ่งที่มี” กว่าคนเราจะเห็นคุณค่าของบางสิ่งบางอย่าง
ของใครบางคน บางทีคนคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว หรือไม่เราก็ไม่มีสิ่งนั้นแล้ว
มีเรื่องเล่า ของกวีชายคนหนึ่งที่รู้สึกว่าชีวิตไม่ค่อยจะมีความสุขเลย
วันหนึ่งเทวดาปรากฏมาต่อหน้าเขา เทวดาถามกวีคนนั้นว่า ท่านมีความสุขหรือไม่? เขาตอบว่า ผมมีทุกอย่าง
ขาดอย่างเดียว “ผมต้องการความสุข ผมไม่มีความสุขเลย” เทวดาเริ่มนำเอาสิ่งของที่เขามีออกไป
เอาความสามารถในการเป็นกวีออกไป ทำลายรูปลักษณ์ของเขา เอาความร่ำรวยออกไป พรากภรรยาและลูกๆของเขาไปด้วย
แล้วก็กลับสวรรค์ไป หนึ่งเดือนต่อมาเทวดากลับมาหาเขา ก็พบเขาในสภาพกำลังนอนบนพื้นดินปางตาย
ทั้งหิวและดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
เทวดาสงสารจึงจัดการคืนทุกสิ่งที่เขาเคยมีทั้งหมดให้
สองอาทิตย์ต่อมาเทวดากลับมาหาเขาอีก คราวนี้กวี ภรรยาและลูกๆ ของเขา มาขอบคุณเทวดาอย่างสุดใจบอกว่า
“ที่สุดผมก็พบกับความสุขแล้ว"
บทเรียนจากเรื่องเล่านี้ก็คือ
พวกเราส่วนใหญ่มีสิ่งที่จำเป็นเพื่อมีความสุขอยู่แล้ว
เมื่อใดที่เราขาดสิ่งเหล่านี้
เราจึงจะรู้ว่าทุกสิ่งที่เรามีอยู่นี้นำความสุขมาให้เราอยู่แล้ว
บางทีเราก็พลาดความสุขเล็กๆที่อยู่รอบตัวเรา เพราะมัวแต่มองหา
มองแต่เรื่องไกลตัวของเรา จนพลาดที่จะพบความสุขกับคนใกล้ตัว คนในครอบครัว สามี
ภรรยา ลูก เพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน คนรอบตัว ฯลฯ
บางทีความสุขก็ไม่ได้อยู่ไกลเราเลย ขอเพียงแต่มองให้เห็นและทำให้ทุกที่ที่เราอยู่มีความสุข
ความสุขก็เกิดขึ้น
พี่น้องครับ อย่าลืมที่จะให้เวลากับคนใกล้ตัว ให้ความรัก ให้ความสุขกับคนใกล้ตัว
ในขณะที่ยังมีเวลา เป็นความสุขที่เราสามารถพบได้ในทุกๆ วัน บางทีไม่ต้องไปหาจากที่ไหน
แต่อยู่ใกล้เราแค่เอื้อมจริงๆ
ปลัดวัดสาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น