พี่น้องที่รัก
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเป็นวันพุธรับเถ้า
ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต ตามธรรมเนียมของเราคาทอลิก คริสตชนพึงได้รับการโปรยเถ้า
เพื่อเตือนใจให้เข้าสู่ช่วงเวลาของเทศกาลมหาพรต
แต่เนื่องจากหลายคนไม่สะดวกในการไปร่วมพิธีโปรยเถ้า
เพราะเป็นวันที่ต้องทำงานตามปกติ
ทำให้คริสตชนหลายคนพลาดโอกาสที่จะได้รับการโปรยเถ้าจากพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงมีวัดบางแห่งในต่างประเทศเสนอบริการพิเศษด้วยการโปรยเถ้าให้กับคริสตชนอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษเพียงแค่ขับรถผ่านไปที่หน้าวัด
พระสงฆ์จะลงมาโปรยเถ้าให้ทันทีที่รถเลย
“Drive Thru Ashes”
March 1, 2017
6:30 – 8:00am
FREE COFFEE!
นอกเหนือจากมีบริการโปรยเถ้าถึงที่รถแล้ว
ถ้ามีเวลาสักนิดหน่อย จะขึ้นมาดื่มกาแฟที่บ้านพักพระสงฆ์ก็ยังได้
เรียกว่าบริการกันแบบถึงอกถึงใจเลย
น่าชื่นชมในความคิดริเริ่มแปลกใหม่ในการอภิบาลสัตบุรุษครับ
ที่เป็นแบบนี้เพราะ
การรับเถ้าในวันพุธรับเถ้า เป็นเครื่องหมายของการเริ่มต้น 40 วันของช่วงเวลาเทศกาลมหาพรตครับ ด้วยเหตุนี้ถ้าเป็นไปได้
พิธีการโปรยเถ้าหลายๆ แห่งจะกระทำกันเพียงในวันพุธรับเถ้าเพียงเท่านั้น
ไม่มีการมาโปรยเถ้าให้ในวันอาทิตย์ภายหลังอีก
เพราะไม่เช่นนั้นคงสามารถเปลี่ยนการเรียกวันพุธรับเถ้าเป็นวันอาทิตย์รับเถ้าได้เหมือนกัน
มิติของการเริ่มต้นเทศกาลมหาพรตในวันพุธรับเถ้าคงจะสูญเสียเอกลักษณ์ไปในที่สุด
ในปีต่อๆไปพ่อจึงอยากให้พี่น้องได้จัดเวลา
ให้ความสำคัญกับการรับเถ้าในวันพุธรับเถ้า ถ้าสามารถทำได้ครับ
ส่วนการมารับเถ้าในวันอาทิตย์นั้น ก็เพื่อสำหรับพี่น้องที่ติดขัดจริงๆ
ไม่สามารถมาร่วมพิธีโปรยเถ้าในวันพุธรับเถ้าได้
เทศกาลมหาพรตเริ่มต้นขึ้นแล้ว
40 วันตลอดช่วงเทศกาลนี้ขอให้เราตั้งใจปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของเทศกาลนี้อย่างจริงจัง
ในการถือศีลอดอาหาร สวดภาวนา ทำกิจพลีกรรมใช้โทษบาป ทำบุญให้ทาน และบำเพ็ญตน
ปรับปรุงชีวิตของเรา ด้วยการละทิ้งอุปนิสัย และความโน้มเอียงในทางบาป
เหมือนกับการนำใบลานเก่าที่เก็บไว้เมื่อปีก่อนมาเผาไฟ กลายเป็นเถ้าถ่าน
เพื่อเตือนใจเราว่า ให้เรากำจัดชีวิตเดิมๆที่ยังไม่สมบูรณ์ของเรา เผาทิ้งไป
เริ่มต้นช่วงเวลาใหม่ที่ดีงามยิ่งขึ้น สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เส้นทางนี้เรียกว่า
เส้นทางแห่งความดี ที่เราต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ
สลัดทิ้งความบกพร่องออกไปจากตัวเราให้มากที่สุด สลัดทิ้งตัวตนของเราที่ยัง ทะนงตน
โลภ ริษยา โมโห ตัณหา ตะกละ เกียจคร้าน ออกไปให้มากที่สุด
เมื่อได้พยายามบำเพ็ญตนสุดความสามารถแล้ว
เราจะมีประสบการณ์ถ่องแท้และเข้าใจถึงการฉลองปัสกาซึ่งเป็นการฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เพราะเราได้ตายต่อบาป ต่อตัวตนของเราตลอดเทศกาลมหาพรตมาแล้ว
การเฉลิมฉลองปัสกาจึงเป็นการบรรลุถึงชีวิตใหม่อย่างแท้จริง เป็นการลิ้มรส และมองเห็นแบบเลาๆ ถึงชีวิตที่พระจะประทานให้ในอนาคตนั่นเอง
ขอพระเจ้าประทานความเข้มแข็ง
มั่นคงให้กับจิตใจของพี่น้อง
เพื่อจะมีวินัยกับตนเองในการปฏิบัติตนตามจิตตารมณ์ของเทศกาลมหาพรตจนสำเร็จ
พ่อสุพจน์
........................................................................................................
ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์
:
การประจญทดลองเป็นของทุกคน
ปีศาจยังทำหน้าที่ของมัน
ไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่ถูกประจญทดลอง
แต่มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นับตั้งแต่มีโลก นับตั้งแต่เกิดโลก
เป็น loop
วนไป วนไป วนเวียนอยู่ในโลก
อดัมและเอวาก่อน ลูกหลานต่อมาก็ไม่ต่างกัน
กลอุบายพื้นฐานประการแรกที่มักใช้ใส่ในหัวของเราเสมอ
ก็คือ
มันคือเรื่องเล่าปรัมปรา
มันคือมโนคติความชั่ว และมันไม่มีอยู่จริง
อีกประการก็คือ
ความไม่ดีและความอ่อนแอ เรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา
ไม่ใช่มันทำ
แต่เป็นพระเจ้าที่ลงโทษ เป็นพระเจ้าที่ทดลอง เป็นพระเจ้าที่ทำให้เกิดขึ้น
ปีศาจรู้และรู้มาก
ว่าจะต้องทำอย่างไร กับสิ่งสร้างที่มีภาพลักษณ์เหมือนพระองค์
กับคนหนึ่งมันใช้วิธีการแบบหนึ่ง
กับอีกคนหนึ่งก็เป็นวิธีที่แตกต่างไป
จะศรัทธามาก ศรัทธาน้อย
สวดมาก สวดน้อย หรือไม่สวด
มันก็มา มันก็ทดลอง มันก็ผจญ
เพราะมันไม่เลือก ไม่เว้นแม้แต่พระบุตร
พระเยซูผู้เป็นมนุษย์แท้ (และพระเจ้าแท้) จึงยังต้องผ่านการทดลอง
แต่การทดลองทั้งหมดนี้
พระองค์ชนะได้โดยง่าย ในพระเจ้าผู้ทรงประทานกำลัง
เราก็เช่นกัน
เพื่อจะผ่านการทดลองทั้งหมดในชีวิตโดยง่าย
จึงต้องสำนึกถ่อมตน รู้ถึงความจำกัดของตัวเราเอง
และอาศัยพระบุตร
เพราะเมื่อเราคิด รู้สึก
และมั่นใจในความสามารถของตนว่า
เราไหว เราแน่ เราเก่ง
และเราก็ตามมันทัน หรือ บางทีก็ล้ำหน้าปีศาจอยู่หลายก้าว
ความรู้สึกแบบนั้นอาจแปลได้ว่า
เรากำลังตามหลังมันอยู่ก้าวหนึ่ง
สองก้าว หรือหลายก้าวแล้ว
ถ้าไม่ลืม ปีศาจอยู่มาก่อน
อยู่มานานกว่าเรา และเป็นผู้ชำนาญการในการล่อลวง
บาทหลวงบางกอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น