พี่น้องที่รัก
จิตตารมณ์ประการหนึ่งของเทศกาลมหาพรต
ที่พระศาสนจักรเสนอแนะให้คริสตชนทุกคนฝึกปฏิบัติ บำเพ็ญตน คือ การภาวนา
วันนี้พ่อขอนำการภาวนาตามแบบที่พระสันตะปาปาฟรังซิสแนะนำมาเสนอให้กับพี่น้องนำไปประยุกต์ใช้ครับ
แบบภาวนาแบบนี้มีชื่อว่า "5 Finger Prayer" หรือเรียกง่ายๆว่า
"การภาวนาแบบ 5 นิ้ว"
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มือในการภาวนา แต่หมายความว่า เรามีนิ้วมือข้างละห้านิ้ว
นิ้วแต่ละนิ้วต่างก็มีความหมายพิเศษสำหรับการภาวนาเพื่อจุดประสงค์ต่างๆครับ
นิ้วแรกคือนิ้วโป้ง
นิ้วโป้งเป็นตัวแทนของบุคคลที่เรารัก
ความหมายก็คือเราภาวนาเพื่อบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา ใกล้ตัวเรา หรือคุ้นเคยกับเราดี เพราะบุคคลเหล่านี้เราจดจำเขาได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ
เพราะนิ้วโป้งอยู่ใกล้ลำตัวเรามากที่สุด
นิ้วชี้
นิ้วชี้เป็นตัวแทนของครูบาอาจารย์ที่เคยสอนเรามา
บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลสำคัญต่อชีวิตของเรา นิ้วชี้หมายถึงการชี้นำ
เขาทำหน้าที่ในการสอนสิ่งดีๆให้ชีวิตของเราได้เรียนรู้ บุคคลเหล่านี้ต่างก็ต้องการการสนับสนุน
และ ปรีชาญาณเป็นพิเศษที่จะทำหน้าที่ชี้ทางสว่างให้กับคนอื่นๆ
ให้เราภาวนาเพื่อเขาจะทำหน้าที่ได้อย่างดี
นิ้วกลาง
นิ้วกลางเป็นนิ้วที่สูงที่สุดในบรรดานิ้วทั้งหมดเพราะมีความยาวกว่านิ้วอื่นๆ
เป็นนิ้วที่ทำให้เรานึกถึงบรรดาผู้นำประเทศชาติ ศาสนา กลุ่มองค์กรที่เราสังกัดอยู่
ให้เราภาวนาเพื่อบุคคลเหล่านี้จะสามารถใช้อำนาจที่เขามีอยู่อย่างดี อย่างยุติธรรม
อย่างใจกว้าง บนพื้นฐานของความรัก
นิ้วนาง
ว่ากันว่านิ้วนางเป็นนิ้วที่อ่อนแอที่สุดในบรรดานิ้วทั้งหมด
แต่ก็มีจุดเด่นอยู่ที่มนุษย์เราใช้เป็นนิ้วสำหรับสวมแหวนประดับกาย
ความหมายก็คือให้เราภาวนาเพื่อผู้อ่อนแอ ผู้เจ็บป่วย
และผู้ที่กำลังเผชิญอุปสรรคและปัญหาที่ทำให้ชีวิตของเขาขาดความสดชื่น
บุคคลเหล่านี้สมควรได้รับการเสริมพลังให้เข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับความยากลำบากที่เข้ามาคุกคามชีวิตของเขา
นิ้วก้อย
นิ้วก้อยเป็นนิ้วที่เล็กที่สุด
มีความหมายว่าให้เราภาวนาเพื่อความต้องการต่างๆของเรา
นิ้วนี้เป็นนิ้วสุดท้ายที่เราจะภาวนาอุทิศให้
ภายหลังจากที่เราภาวนาเพื่อนิ้วอื่นๆเสร็จแล้ว
ซึ่งหมายถึงเราให้ความสำคัญกับบุคคลอื่นๆก่อนที่จะคิดถึงตัวเองนั่นเอง
พ่อคิดว่าหลักคิดเรื่อง
"การภาวนา 5 นิ้ว" จะช่วยพี่น้องได้บ้างในการฝึกฝนการภาวนาตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ อาทิตย์นี้ ตรงกับวันที่ 19 มีนาคม วันฉลองนักบุญยอแซฟ ภัสดาของพระนางมารีย์ บิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้า
ซึ่งเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคุณพ่อพงษ์เกษม สังวาลย์เพ็ชร ขอพี่น้องภาวนาเป็นพิเศษเพื่อคุณพ่อพงษ์เกษมด้วยครับ
พ่อสุพจน์
...........................................................................................................
ไม่มีใครมาตักน้ำจากบ่อตอนกลางวัน
ส่วนหนึ่งก็เพราะฝุ่นทรายปลิวไปมา
น้ำอาจจะสกปรก
ส่วนมากมาตักกันไม่เช้า
ก็เย็น ตอนที่แดดร่ม ลมตก
แต่ในพระวรสารวันนี้ เราได้ยินว่า
มีหญิงมาตักน้ำตอนกลางวัน
นักพระคัมภีร์หลายคนตีความว่า
เพราะนางต้องการหลบจากผู้คน
ซึ่งดูเหมือนว่า
ก็เป็นแบบนั้น เพราะนางมีบาดแผลที่ไม่น่าดู
บาดแผลนี้ไม่ได้เห็นได้ด้วยตา
แต่เป็นบาดแผลที่ซึมลึกอยู่ในใจ
พระเยซูเจ้าเองทรงทอดพระเนตรเห็นนาง
และเห็นบาดแผลนั้นด้วย
นางพูดกับพระองค์ว่า
ไม่มีสามี เมื่อพระเยซูเจ้าทรงตรัสถึงสามีนาง
แต่นางมีสามีมาแล้วห้าคน
และคนปัจจุบันก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสามี
นัยยะหนึ่ง
นางเป็นสัญลักษณ์ของคนที่กระหายและขาดความรัก
และความรักที่นางมีก็ยังไม่อาจเรียกได้ว่า
“สมบูรณ์”
(เลขหก คือ เลขของความขาด
ไม่สมบูรณ์)
วันนี้นางมาเจอชายคนที่เจ็ด
คนที่จะมาเติมเต็มชีวิตนางอย่างสมบูรณ์
นั่นคือ พระองค์ พระเยซูเจ้า
ผู้ทรงเป็นน้ำทรงชีวิต องค์ความรักที่บริบูรณ์
เมื่อพบพระองค์
นางจึงไม่กระหายอีก ไม่ขาดอีก
เมื่อนางยอมรับสภาพที่นางเป็น
และยอมมอบถวายชีวิตและวิญญาณแด่พระเจ้า
และดูเหมือนว่า
นางไม่ได้เก็บความยินดีนี้ที่นางพบไว้กับตัวเพียงคนเดียว
แต่นางยังบอกเล่าและส่งต่อข่าวดีนี้
ต่อไปให้ทุกคนที่นางพบเจออีกด้วย
#แล้วเราหละ
บาทหลวงบางกอก