พี่น้องที่รัก
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
ทรงเชิญชวนให้คริสตชนทั่วโลก
เข้ามารับพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางพิธีเคารพศีลมหาสนิท การเฝ้าศีลมหาสนิท
การรับศีลอภัยบาป คำเชิญของพระองค์นี้ได้รับการตอบรับจากวัดคาทอลิกทุกแห่งทั่วโลก
โดยที่พระสันตะปาปาฟรังซิสเองจะเป็นผู้ประกอบพิธีนมัสการศีลมหาสนิทที่มหาวิหารนักบุญเปโตร
กรุงโรม ในวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม ถึงวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม
เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับสมเด็จพระสันตะปาปาและพระศาสนจักรทั้งครบ
พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช จึงเชิญชวนให้ทุกวัดได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในพระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา
และ พระศาสนจักรทั่วโลก
ที่จะเชิญชวนหมู่มวลสัตบุรุษให้เข้ามาพึ่งพาพระเมตตาของพระเจ้าในโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมนี้
นี่จึงเป็นโอกาสพิเศษที่พระศาสนจักรเชิญชวนพี่น้องคริสตชน
โดยเฉพาะผู้ที่เหินห่างพระศาสนจักรไป หรือขาดการรับศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลานาน
บัดนี้พระเยซูเจ้าทรงเปิดประตูรอคอยทุกคนอยู่
พระเมตตาของพระองค์เปิดหนทางกว้างต้อนรับทุกคนแล้ว
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
ทรงเรียกร้องให้คริสตชนทุกคนอุทิศเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อเข้ามาเฝ้าพระเจ้า
พระองค์ตรัสว่า "การเฝ้าศีล 24 ชั่วโมง"
เป็นกิจศรัทธาที่พระองค์ปรารถนาให้ทุกเขตสังฆมณฑลจัดขึ้นในระหว่างวันศุกร์และวันเสาร์
ของอาทิตย์ที่4 ในเทศกาลมหาพรต
เพื่อว่าสัตบุรุษรวมถึงบรรดาเยาวชน จะกลับมาสู่การรับศีลอภัยบาป
เพื่อเขาเหล่านั้นจะมีประสบการณ์ในการค้นพบเส้นทางของการกลับมาคืนดีกับพระเจ้า
ด้วยการภาวนาอย่างเข้มข้น และค้นหาความหมายของชีวิต
ให้เราหันมาให้ความสำคัญกับศีลอภัยบาปว่าเป็นศูนย์กลางของชีวิตที่ช่วยเราให้สามารถเข้าถึงพระเมตตาของพระเจ้าด้วยตัวของเขาเอง
เพื่อทุกคนจะสามารถเข้าถึงแหล่งที่มาของสันติสุขภายในใจของตนได้อย่างแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับพระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา
และ
เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักรพ่อจึงขอแจ้งกำหนดการพิธีกรรมในวันศุกร์ที่
4 มีนาคม และ ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม
ที่วัดเซนต์หลุยส์ดังนี้
วันศุกร์ที่ 4
มีนาคม (วันศุกร์ต้นเดือน)
19.00 น. พิธีเดินรูป 14 ภาค
พระสงฆ์โปรดศีลอภัยบาปที่ตู้โปรดศีลอภัยบาป
19.30 น. พิธีนมัสการศีลมหาสนิท อวยพรศีลมหาสนิท
20.00 น. พิธีบูชาขอบพระคุณ
วันเสาร์ 5
มีนาคม
17.00 น. พิธีนมัสการศีลมหาสนิท
พระสงฆ์โปรดศีลอภัยบาป ที่ตู้โปรดศีลอภัยบาป
17.30 น. วจนพิธีกรรมพระมารดานิจจานุเคราะห์
อวยพรศีลมหาสนิท
17.45 น. พิธีบูชาขอบพระคุณ อาทิตย์สัปดาห์ที่ 4 ในเทศกาลมหาพรต
พ่อจึงขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านมาร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพิธีกรรมดังกล่าว
เพื่อเข้ามาสัมผัสพระเมตตารักของพระเจ้าเป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรต และ
ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมนี้อย่างใกล้ชิดครับ
พ่อสุพจน์
...............................................................................................................................
พี่น้องที่รัก
พระเยซูเจ้าทรงมีคำตอบ
และความคิดเห็นของพระองค์ก็แตกต่างออกไป “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลีทุกคนหรือ
จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต
ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกัน” (ลก.13:2-3) พระองค์ทรงเชิญชวนให้เรากลับใจ
เปลี่ยนแปลงตนเอง
คนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมทับตาย
เป็นการลงโทษของพระเจ้าหรือ?
พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “ไม่ใช่” ทรงตรัสว่า “มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน” (ลก.13:5) พวกเขาไม่กลับใจ
พระองค์ทรงสอนให้เราค้นพบเสียงเรียกของพระเจ้าผ่านทางเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเรา
พระองค์ทรงอุปมาให้เราได้คิดและค้นพบแผนการของพระเจ้า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน
เขามามองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ” (ลก.13:6)
และบ่อยครั้งที่พระเยซูเจ้าทรงอุปมาเรื่องสวนองุ่นเพื่อเตือนใจเราถึงความรับผิดชอบที่เราควรมีต่อความรักของพระเจ้า “เราเป็นเถาองุ่นแท้
และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผลพระองค์จะทรงตัดทิ้ง
กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น” (ยน.15:1-2) พระบิดาคือเจ้าของสวน
พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ตกแต่งเถาองุ่น
พระองค์ทรงยืนยันเพื่อขอเวลาจากพระบิดาสำหรับการกลับใจ
ผู้ใดจะเสมอเหมือนองค์พระเจ้า พระเจ้าของเรา พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์ในที่สูง
แต่ทรงน้อมพระองค์ทอดพระเนตรลงมายังสวรรค์และแผ่นดิน ทรงยกคนยากจนขึ้นมาจากฝุ่นดิน
ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขยะ(สดด.113:5-7)พระเจ้าจะไม่ทรงโค่นเราทิ้งเสีย สมัยที่ปีลาตปกครองแคว้นยูเดียระหว่างปี
ค.ศ. 26-36 เกิดขาดแคลนน้ำอย่างหนักในกรุงเยรูซาเล็ม
ปีลาตจึงตัดสินใจสร้างระบบส่งน้ำโดยใช้งบประมาณจากเงินในคลังของพระวิหารต้องยอมรับว่าโครงการของปีลาตดี
แต่ชาวยิวยอมรับไม่ได้ที่จะนำเงินจากพระวิหารซึ่งเป็นของพระเจ้าออกมาใช้จ่าย พวกเขาจึงรวมตัวกันจับอาวุธขึ้นต่อต้านปีลาตสั่งให้ทหารปลอมตัวโดยสวมเสื้อคลุมทับชุดทหาร
พร้อมกับซ่อนตะบองไว้ใต้เสื้อคลุมแทนการใช้ดาบ แล้วให้ทหารปะปนไปกับฝูงชน เมื่อได้รับสัญญาณ
พวกทหารพยายามสลายฝูงชน
แต่เพราะทำรุนแรงเกินกว่าคำสั่ง
จึงมีประชาชนจำนวนหนึ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับการต่อต้าน ครั้งนี้คาดว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตคงมีชาวกาลิลีรวมอยู่ด้วย
เพราะพวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องรักชาติ
และพร้อมจะเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองทุกรูปแบบอยู่แล้ว ในบท “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ที่ก่อนหน้านี้เราเคยสวดว่า
“โปรดยกหนี้ของเรา เหมือนเรายกหนี้แก่เขา”“ผู้บริสุทธิ์เคยพินาศหรือ ?” (โยบ4:7)“คนดีต้องได้ดี เพราะฉะนั้นการที่คนเราตกทุกข์ได้ยากย่อมแปลว่าเขาได้ทำบาปผิดต่อพระเจ้า” เท่ากับว่าคำสอนของชาวยิวคือ “ความทุกข์ยากและความตายเป็นผลของบาป
หรือไม่ก็เกี่ยวเนื่องกับบาปชนิดแยกออกจากกันไม่ได้” นับเป็นคำสอนที่โหดร้ายและทารุณจิตใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะหากเป็นจริงตามคำสอนนี้ ย่อมเข้าใจเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่า “เศรษฐีทุกคนคือคนดี และคนจนที่ตกทุกข์ได้ยากทุกคนคือคนชั่ว” แต่พระเยซูทรงเล็งเห็นว่าบาปไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการถูกฆ่าหรือถูกหอล้มทับตาย พระองค์ยังตรัสย้ำถึงสองครั้งสองคราว่า “ถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกัน” ตรงกันข้ามพระองค์ทรงสอนว่า “ผู้มีใจยากจน
หรือถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา” (มธ 5:3,10; ลก 6:20,22) ที่สำคัญ
พระองค์ทรงกำหนดเงื่อนไขในการติดตามพระองค์ไว้ว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา
ก็ให้เขาเลิกนึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามเรา”
หากพวกเขายอมกลับใจและเปลี่ยนชีวิตตามคำเตือนของพระเยซูเจ้า
พวกเขาคงไม่ต้องประสบกับความทุกข์ยากและความหายนะเช่นนี้