วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2014

พี่น้องที่รัก
               
                เนื่องจากทุกปี สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการรณรงค์เพื่อ กองทุนน้ำใจคาทอลิก  เพื่อให้สัตบุรุษคริสตชนช่วยการสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆผ่านทางกรรมาธิการ 4 ฝ่าย 13คณะกรรมการของสภาพระสังฆราช ที่ดำเนินงานเพื่อพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ดังนั้นในสัปดาห์นี้วัดของเราจึงขอเชิญชวนพี่น้องสัตบุรุษทุกท่านร่วมใจกันบริจาคเพื่อสนับสนุนกองทุนน้ำใจคาทอลิกของสภาพระสังฆราช เพื่อให้การดำเนินงานด้านต่างๆของสภาพระสังฆราชที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างเสริมพระอาณาจักรของพระเจ้าในประเทศไทยของเราให้เข้มแข็งมั่นคงยิ่งขึ้นในทุกด้านได้รับการสนับสนุน และ การช่วยเหลือจากพี่น้องทุกคน พ่อจึงขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านร่วมใจกันบริจาคทรัพย์เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวครับ

พ่อสุพจน์ 
               
ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 3
ความยินดีของบรรดานักบุญในพิธีบูชาขอบพระคุณ

                St. John of the Augustinian Order ท่านนักบุญยอห์น แห่งนักบวชคณะออกุสติเนียน  เป็นผู้ที่รักในการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณอย่างดื่มด่ำ ท่านชอบที่จะตื่นแต่เช้า เพราะปรารถนาจะเริ่มประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณให้เช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวลาที่ท่านถวายพิธีบูชาขอบพระคุณท่านเต็มเปี่ยมตื้นตันด้วยความศรัทธา วิญญาณของท่านเอิบอิ่มด้วยความชื่นชมโดยเฉพาะในช่วงของการสวดภาวนาบทเสกศีล
                        แต่สมาชิกคณะที่มีหน้าที่ในการช่วยพิธีกลับร้องเรียนมายังอธิการว่า ท่านนักบุญใช้เวลาในการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณนานเกินไปจนเขาไม่สามารถไปทำหน้าที่อื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบในแต่ละวันได้ทัน อธิการจึงร้องขอให้ท่านใช้เวลาให้น้อยลงเหมือนกับสมาชิกอื่น ๆ ของคณะ ท่านก็นบนอบเชื่อฟังอธิการด้วยดี แต่ในที่สุดวันหนึ่ง ท่านก็ไปคุกเข่าขอร้องอธิการว่า ขอโปรดให้เวลาท่านมากขึ้นในการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณด้วย อธิการฟังท่านแล้วก็ขอให้ท่านให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใด ท่านจึงเปิดเผยกับอธิการว่า ท่านได้รับนิมิตพิเศษในระหว่างการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ ท่านได้เห็นพระเยซูบนพระแท่น ท่านยังเล่ารายละเอียดอีกว่า ท่านตกอยู่ในภาวะที่เกิดความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก จนทำให้เกือบจะไม่สามารถยืนอยู่ได้ จนเกือบจะเป็นลมล้มลง

                โดยอาศัยการให้คำอธิบายจากประสบการณ์พิเศษของท่านนักบุญในครั้งนั้น ทำให้อธิการท่านนั้นได้รับการดลใจและเปลี่ยนแปลงทรรศนะคติของท่านในการร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณด้วยความศรัทธาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยมาจนตลอดชีวิตของท่าน.......(ยังมีต่อ)
..............................................................................................
ค่ายเยาวชนเขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

หลังจากอาทิตย์ที่แล้วพ่อได้ประชาสัมพันธ์ค่ายกระแสเรียกบ้านเณรเล็กยอแซฟ สำหรับน้องๆ เยาวชนชายที่สนใจจะสัมผัสชีวิตเณร ซึ่งก็ยังสมัครได้อยู่สำหรับน้องๆ ที่สนใจจะเข้าร่วมค่าย
มาอาทิตย์นี้... พ่อจึงขอประชาสัมพันธ์ บอกกล่าวสำหรับการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงเดือนตุลาคมสำหรับน้องๆ เยาวชนชาย-หญิง ที่อยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ ที่สนใจจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และเพื่อหาประสบการณ์ดีๆ กับค่ายเยาวชนเขต 1  ซึ่งในเขต 1 ก็จะประกอบไปด้วยวัดละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงกับเราแถวนี้ เป็นต้น วัดอัสสัมชัญฯ วัดกาลหว่าร์ วัดตรอกจันทน์ วัดมหาไถ่ วัดพระกุมารเยซู วัดปากน้ำ และวัดอื่นๆ รวมไปถึงวัดเซนต์หลุยส์ของเรา
ซึ่งค่ายเยาวชนในปีนี้ ก็จะจัดขึ้นที่โรงเรียนลาซาล บางนา กรุงเทพฯ ในวันที่ 17-19 ตุลาคม 2014  ซึ่งโรงเรียนลาซาล บางนา หลังจากที่พ่อสำรวจมาแล้วเป็นโรงเรียนที่มีด้านหลังโรงเรียนเป็นบ้านที่น่าอยู่บรรยากาศเย็นร่มรื่น และมีพื้นที่กว้างขวางด้วย  โดยพ่อก็เชิญชวนให้น้องๆ ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้และพบเจอเพื่อนพี่น้องใหม่ๆ ต่างวัด และจะทำให้เราได้ฝึกการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ในความเป็นเยาวชนคาทอลิกด้วย ดังนั้น พ่อจึงเชิญชวนบรรดาเยาวชนทุกคนที่มีเวลา มาร่วมค่ายในครั้งนี้ รับรองว่าน้องๆ จะได้ใกล้ชิดพระและสนุกสนานด้วย

ดังนั้น ถ้าน้องๆ คนไหนสนใจ สามารถมาติดต่อได้ที่พ่อเลยครับ  และอย่าลืมครับในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนแม่พระ ก็ขอเชิญชวนเราทุกคนได้ให้เวลากับแม่พระ ด้วยการมาร่วมสวดสายประคำกันในทุกๆ วันจันทร์ ศุกร์  เวลา 1 ทุ่มตรง ที่วัดเซนต์หลุยส์ของเราครับ

คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2014

พี่น้องที่รัก
                เหลืออีกเพียงไม่กี่วันเราก็จะถึงเดือนตุลาคมแล้ว แน่นอนที่สุดว่าสำหรับเราคาทอลิก เดือนตุลาคมมีความหมายเป็นพิเศษเพราะเป็นเดือนแม่พระลูกประคำ ในปีนี้มีการจัดรณรงค์เพื่อการสวดลูกประคำตามโครงการ "ทั่วโลกพร้อมเพรียง ไม่สิ้นเสียงสายประคำ" เช่นทุกปี สำหรับปีนี้จะจัดที่วัดนักบุญยอแซฟตรอกจันทน์ ในวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2014 ระหว่างเวลา 8.30 . - 15.00 . พ่อจึงอยากเชิญชวนพี่น้องสัตบุรุษไปร่วมใจกันสวดลูกประคำในวันและเวลาดังกล่าว โดยมีจุดประสงค์การภาวนาเป็นพิเศษเพื่อ ส่งเสริมสิทธิของเด็กทารกในครรภ์มารดาที่จะเกิด เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติบ้านเมือง และสันติภาพของโลก เพื่อส่งเสริมกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์และนักบวช และ เพื่อขอพระแม่มารีย์ช่วยฟื้นฟูชีวิตคริสตชนให้เป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า เจริญชีวิตการประกาศข่าวดีใหม่ตามเป้าหมายของการประชุมสมัชชาใหญ่ ค.. 2015
                ขอพี่น้องจงสวดลูกประคำเสมอๆครับ คำภาวนาของเราคือภูมิคุ้มกันเล่ห์กลของปีศาจร้าย

พ่อสุพจน์ 
               
ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 3
ความยินดีของบรรดานักบุญในพิธีบูชาขอบพระคุณ


                Thomas of Cantimpre พระสงฆ์คณะดอมินิกันท่านเป็นนักเทวศาสตร์และนักเทศน์ผู้มีศรัทธาแก่กล้า ท่านได้บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับอัศจรรย์ที่ท่านกับอีกหลายคนได้เป็นประจักษ์พยานเอาไว้ความว่า เมื่อท่านได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ พระเยซูเจ้าได้ปรากฏพระองค์ในแผ่นศีลที่ได้รับการเสกแล้วที่วัดนักบุญอมานด์ ในเมืองดูเว ท่านจึงรีบเร่งไปยังสถานที่แห่งนั้นและร้องขอให้คุณพ่อที่ดูแลวัดแห่งนั้นได้เปิดตู้ศีลออกมา เวลานั้นมีผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลไปยังวัดแห่งนั้น เมื่อทราบข่าวว่าพระสังฆราชเดินทางไปยังวัดแห่งนั้น และได้รับสิทธิ์พิเศษให้ได้เห็นอัศจรรย์การปรากฏพระองค์อีกครั้ง พระสังฆราชเล่าให้ทุกคนฟังถึงสิ่งที่ท่านได้เห็นว่า "ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์แบบหน้าต่อหน้า ดวงตาของพระองค์แจ่มใสเปี่ยมด้วยความอ่อนหวาน ผมของพระองค์ยาวประบ่า มีหนวดเครายาวพอสมควร หน้าผากของพระองค์กว้าง พวงแก้มมีสีขาวสุกใส เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ ใบหน้าของพระองค์เปลี่ยนไป แสดงอาการเศร้าหมอง ราวกับว่าพระองค์ต้องเผชิญกับความทนทรมานในช่วงเวลาแห่งพระทรมาน ในยามที่ต้องถูกสวมมงกุฎหนาม และใบหน้าของพระองค์เปื้อนหมองไปด้วยเลือด ในยามที่ข้าพเจ้าได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของพระองค์จากที่เปี่ยมด้วยความอ่อนหวานไปสู่ความเศร้าหมองนั้น หัวใจของข้าพเจ้าเจ็บปวดขื่นขม ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนว่าถูกหนามเหล่านั้นทิ่มแทงเข้าไปในศีรษะของข้าพเจ้าเอง"
  (ยังมีต่อ)
...................................................................................................
ค่ายกระแสเรียกบ้านเณรเล็กยอแซฟ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

ในทุกๆ ปี ระหว่างปิดภาคเรียนในช่วงเดือนตุลาคม ทางสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ หรือ บ้านเณรเล็กยอแซฟจะจัดค่ายกระแสเรียกขึ้น  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บรรดาเด็กๆ และเยาวชนชายได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกระแสเรียกและการดำเนินชีวิตของสามเณรในบ้านเณร  ซึ่งในปีนี้ก็ได้มีค่ายกระแสเรียกขึ้นในระหว่างวันที่ 4-7 ตุลาคม 2014
ในโอกาสนี้พ่อจึงอยากเชิญชวนบรรดาเด็กๆ ที่สนใจเข้าร่วมค่ายกระแสเรียกในวันและเวลาดังกล่าวนี้ เพราะจะเป็นการที่เราได้ใช้เวลาว่างอย่างมีประโยชน์ พร้อมทั้งจะทำให้เราได้เรียนรู้และพบเจอเพื่อนๆ พี่ๆ และได้รับความรู้ ประสบการณ์ดีดีของบรรดาคุณพ่อ พี่ๆ สามเณร และไม่เพียงเท่านี้ ยังอัดแน่นไปด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินตลอดเวลาในค่ายกระแสเรียกครั้งนี้ด้วย
ดังนั้น ถ้าน้องๆ คนไหนสนใจ สามารถมาติดต่อได้ที่คุณพ่อวัดเซนต์หลุยส์ทุกท่านครับ

คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 กันยานา 2014

พี่น้องที่รัก
                มีคำกลอนบทหนึ่งเขียนเอาไว้ไพเราะมากเกี่ยวกับการทบทวนดูชีวิตของเราเอง ความว่า
          ตนเตือนตน ของตน ให้พ้นผิด
          ตนเตือนจิต ตนได้ ใครจะเหมือน
          ตนเตือนตน ไม่ได้ ใครจะเตือน
          อย่าแชเชือน เตือนตน ให้พ้นภัย
หลายครั้งเรื่องราวความบาดหมางระหว่างเรามนุษย์ในสังคม เกิดขึ้นจากความขาดตกบกพร่องในพฤติกรรมของเรามนุษย์เองที่ขัดหูขัดตาคนอื่น หรือ ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น บางทีการตักเตือนกันก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะสำหรับบางคนเขาไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนั้นสร้างความเดือดร้อน รำคาญใจให้กับคนอื่นเขา แต่การที่เรามัวแต่จะรอให้คนอื่นมาคอยทักท้วงตักเตือน มันก็อาจจะสายเกินแก้ก็ได้ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นที่จะเตือนตนเอง ด้วยการทบทวนไตร่ตรอง และ แสวงหาข้อขาดตกบกพร่องเหล่านั้นด้วยตัวเราเอง และทำการปรับปรุงตัวเราเอง ลดพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่พึงปรารถนาลง เมื่อทำเช่นนี้ได้เราก็เป็นบุคคลที่น่าคบหา และ เป็นผู้ที่ได้รับความรักใคร่จากพี่น้องรอบข้าง
                ในอีกแง่หนึ่ง มนุษย์เราไม่มีใครดอกที่เกิดมามีความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติในทุกๆด้าน เมื่อคิดเสียได้อย่างนี้ ก็เท่ากับว่าเรายอมรับได้ว่า เรามนุษย์ทุกคนย่อมมีความขาดตกบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น ทำให้เรามองความขาดตกบกพร่องของผู้อื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจ มากกว่าที่จะรู้สึกขึงโกรธ ขุ่นมัวเพราะมีสิ่งใดที่มากระทบขัดตาขัดใจเราเสียทุกครั้งไป ถ้าเรามองเพื่อนมนุษย์รอบข้างเราด้วยความเห็นอกเห็นใจ และหวังว่าเขาคงจะเรียนรู้ที่จะพัฒนาปรับปรุงตนเองได้ในภายหลัง ก็จะทำให้เราลดภาวะอารมณ์ที่ขุ่นมัวลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
                ทุกครั้งที่เราเริ่มพิธีบูชาขอบพระคุณด้วยการยอมรับว่าเราเป็นคนบาป ก็เป็นเครื่องเตือนใจเราอยู่แล้วว่า ในชีวิตเรานั้นแม้จะมีความตั้งใจดีเพียงใด เราก็ยังแปดเปื้อนด้วยมลทินบาปอยู่เสมอ เพราะเหตุนี้ พระเยซูจึงมาสละชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อชดเชยใช้โทษบาปแทนเรามนุษย์ทุกคน กางเขนจึงเป็นเครื่องหมายแห่งความรอดพ้น วันนี้เป็นวันฉลองเทิดทูนไม้กางเขน ขอให้เราทุกคนเทิดทูนไม้กางเขนนี้ให้สูงส่งในจิตใจของเรา เพราะนี่คือเครื่องหมายแห่งความรอดพ้นของชาวเรา

คุณพ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 3
ความยินดีของบรรดานักบุญในพิธีบูชาขอบพระคุณ

                บุญราศี จอห์น แห่ง อัลแวร์น ขณะที่กำลังถวายพิธีบูชขอบพระคุณอยู่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ในวันฉลองพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาที่ท่านจะต้องเปล่งคำภาวนาบทเสกศีล ท่านเกิดความตื้นตัน อันเปี่ยมด้วยความหวาดเกรง ทำให้ท่านไม่สามารถสวดบทภาวนาอย่างต่อเนื่องได้ ท่านเริ่มแล้วก็หยุด ตะกุกตะกัก จนอธิการของท่านต้องคอยช่วยประคับประคองเปล่งเสียงบทภาวนาเสกศีลนั้นจนจบ

                ท่านบุญราศีกล่าวภายหลังว่า ท่านเห็นนิมิตของแผ่นปังที่กลับกลายเป็นองค์พระกุมารน้อย ในระหว่างที่ท่านสวดบทเสกศีลนั้น ท่านจึงมีความตื้นตันใจด้วยความเชื่อความศรัทธาจนแทบจะเป็นลมล้มไป และตกอยู่ในภวังค์จนไม่สามารถเปล่งบทภาวนาดังกล่าวได้อย่างราบรื่นนั่นเอง 
(ยังมีต่อ)
..................................................................................................
ฉลองเทิดทูนไม้กางเขน
ชายคนหนึ่งเพิ่งได้รับอภัยโทษหลังจากถูกจำคุกเป็นเวลานานหลายปี หนึ่งเดือนก่อนออกจากคุก เขาตัดสินใจเขียนจดหมายกลับไปหาหญิงคนรักที่เขารักมาก และเขาก็คิดว่าหญิงนั้นยังคงรักเขาและรอคอยการกลับมาของเขาเช่นกัน แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจในจดหมายจึงเขียนไว้ว่า ถ้าหากหญิงนั้นยังรักและต้องการเขาอยู่ละก้อ ให้เอาริบบิ้นสีเหลืองมาผูกไว้ที่กิ่งของต้นโอ๊กหน้าบ้านของเธอ ถ้าหากเขานั่งรถแล้วเห็นริบบิ้นสีเหลืองนั้น เขาก็จงลงจากรถแล้วเข้าไปในบ้านของเธอ แต่ถ้าไม่เห็นริบบิ้นนั้น เขาก็จะนั่งรถประจำทางสายนั้นผ่านบ้านของเธอไปเสียยังชายแดนเมืองอื่น และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น
เมื่อวันอภัยโทษมาถึง ชายคนนั้นนั่งรถมุ่งไปยังบ้านของหญิงที่ตนรัก โดยเลือกที่นั่งหลังคนขับ เมื่อใกล้จะถึงบ้านของหญิงนั้น ชายคนนั้นก็สองจิตสองใจ ไม่กล้าที่จะมองดูที่ต้นโอ๊ก เพราะกลัวว่าจะไม่มีริบบิ้นสีเหลือง เขาจึงบอกคนขับรถว่า พอรถผ่านต้นโอ๊กข้างหน้านั้น ช่วยดูให้ทีว่ามีริบบิ้นสีเหลืองผูกอยู่ที่กิ่งของมันหรือไม่
พอถึงต้นโอ๊ก ชายผู้นั้นก็ถามคนขับรถว่า "เห็นริบบิ้นสีเหลืองบ้างไหม" คนขับรถก็หันมายิ้มแล้วตอบว่า "เห็นสิครับ ไม่ได้เห็นเพียงอันเดียวด้วยนะคุณ มีริบบิ้นสีเหลืองแถบใหญ่พันอยู่รอบต้นโอ๊ก พร้อมกับชิ้นเล็ก ผูกห้อยอยู่เต็มไปหมดเลย"

วันนี้เราฉลองเทิดทูนไม้กางเขน  กางเขนที่เราเห็น เมื่อเรามองแล้ว เราอาจจะรู้สึกว่ามันน่ากลัว มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราคิดถึงแต่เรื่องเศร้า เป็นความตายที่โหดร้าย แต่ถ้าเราลองเพ่งไปที่ใบหน้าของพระเยซูคริสตเจ้าลึกๆ มองนานๆ เราจะเห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่พระองค์ยอมตายเพื่อไถ่บาปให้เรา
เราอาจเคยไม่แน่ใจและไม่ไว้ใจในความรักของพระเจ้าอย่างชายคนในเรื่องเล่านี้ที่ไม่มั่นใจในคนรักของตนก็เป็นได้.. แต่ในที่สุดเราก็จะพบว่า พระเจ้ารักเรามากกว่าที่เราหวังเสียอีก พระองค์ยอมตายเพื่อนำความรอดพ้นมาสู่เราทุกคนอย่างแท้จริง
“กางเขน = ความรัก”
 “ความรักของพระเจ้าชนะทุกสิ่ง

                                                                                                                                                       คพ.วิทย

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันที่ 7 กันยายน 2014

พี่น้องที่รัก
                ตามที่พระสังฆราชได้ออกจดหมายเชิญชวนให้พี่น้องสัตบุรุษให้ภาวนาและบริจาคเพื่อสถานการณ์ประเทศอิรัก ความว่า เนื่องด้วยความรุนแรงและปัญหาด้านมนุษยธรรมในประเทศอิรัก ความเกลียดชัง และ การใช้เหตุผลทางศาสนาอย่างเกินเลย เพื่อทำลายความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์และความเชื่อของเพื่อนมนุษย์ร่วมชาติ การเบียดเบียนทางศาสนา และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ก่อนให้เกิดการอพยพหลบหนีความตายเข้าไปในทะเลทรายอันกันดารและร้อนระอุ เหตุการณ์อันน่าเวทนานี้ได้เกิดขึ้นกับพี่น้องร่วมโลกในยุคสมัยของเรา
                สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส โดยผ่านทางพระสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย ได้ขอร้องให้พระศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลกได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน "ภาวนาพลีกรรม" สำหรับสถานการณ์ในประเทศอิรัก เพื่อขอพระเจ้าโปรดประทานสันติภาพและความช่วยเหลือพี่น้องชาวอิรักจำนวนมาก ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์อันร้ายแรงยิ่งนี้
                นอกเหนือจากการสวดภาวนาและการพลีกรรมแล้ว อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯขอเชิญชวนพี่น้องคริสตชนผู้มีน้ำใจดี ได้แสดงความรักความเอื้ออาทรต่อเพื่อนพี่น้องชาวอิรักที่กำลังประสบกับความทุกข์ยากลำบากในขณะนี้ โดยบริจาคทรัพย์สนับสนุนให้ความช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ และจัดส่งมายังเหรัญญิกของอัครสังฆมณฑลฯ เพื่อจะได้รวบรวมและดำเนินการส่งไปช่วยเหลือพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศอิรักต่อไป
                ตามที่พ่อได้ประกาศเชิญชวนให้พี่น้องได้บริจาคเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว วัดของเรารวบรวมเงินบริจาคได้จำนวน 170,280 บาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสองร้อยแปดสิบบาทถ้วน) จึงขอขอบพระคุณพี่น้องเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ สำหรับพี่น้องที่ปรารถนาจะร่วมทำบุญผ่านทางการโอนเงินเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ครับ
                ชื่อบัญชี มิสซังโรมันคาทอลิก กรุงเทพ (เงินบริจาค)
                ธนาคาร กรุงเทพฯ จำกัด สาขาโอเรียนเต็ล
                บัญชี      ออมทรัพย์
                เลขที่      226 – 0 – 26685 – 9
                Fax (02-2371033) เอกสารการโอน แจ้งว่า "ช่วยเหลือผู้ถูกเบียดเบียนประเทศอิรัก"
คุณพ่อ สุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 3
ความยินดีของบรรดานักบุญในพิธีบูชาขอบพระคุณ

                นักบุญดอมินิก มีประสบการณ์สวดภาวนาและเฝ้าศีลมหาสนิทในยามค่ำคืน พอถึงตอนเช้าท่านถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ โดยมีเหล่าทูตสวรรค์ห้อมล้อม บางครั้งท่านอิ่มเอิบใจด้วยความรักและความยินดีจนรู้สึกได้ว่ากายของท่านถูกยกลอยขึ้น สีหน้าของท่านเปล่งประกายด้วยแสงรัศมีผ่องใสสุกสว่าง

                นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน ถวายพิธีบูชาขอบพระคุณด้วยความตั้งใจที่เปี่ยมด้วยสมาธิ ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านกำลังกล่าวคำภาวนาบทเสกศีล ใบหน้าของท่านเปล่งประกายด้วยแสงผ่องแผ้ว เป็นที่ประหลาดใจของผู้มาร่วมพิธีรอบๆพระแท่นในวัดที่สังเกตเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว ภายหลังพิธีเสร็จสิ้น อธิการของท่านร้องขอให้ท่านกล่าวอธิบายว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเวลานั้น ท่านตอบว่า "ในขณะที่กำลังกล่าวคำภาวนาบทเสกศีลนั้น พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์กับข้าพเจ้าด้วยความสุกใสรุ่งเรืองสง่างาม ถึงขนาดที่ว่าข้าพเจ้าเกิดความหวาดเกรงว่าจะไม่สามารถดำเนินพิธีกรรมได้จนจบพิธี"
           ........................................................................................................................................
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำพูดของพยานสองคนหรือสามคนจะได้จัดเรื่องราวให้เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมู่คณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมู่คณะอีก จงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นคนต่างศาสนา หรือคนเก็บภาษีเถิดเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกในโลก จะผูกไว้ในสวรรค์ และทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในโลก ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย
เราบอกความจริงแก่ท่านอีกว่า ถ้าท่านสองคนในโลกนี้พร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้ เพราะว่าที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา
พี่น้องครับพระวาจาของพระเจ้าอาทิตย์นี้ พูดถึง การตักเตือนกันฉันพี่น้อง เพราะหน้าที่ของคริสตชนไม่ใช่แค่เพียงทำหน้าที่ของเราเองให้ถูกต้องเท่านั้น แต่คริสตชนควรมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันและกันในการทำสิ่งที่ถูกต้อง เราต้องเป็นเกลือและแสงสว่างส่องโลก เพื่อฉายแสงแห่งความรักและความดีให้กับผู้อื่นได้เห็นถึงความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา…   ดังนั้น พระวาจาของพระเจ้าอาทิตย์นี้ ได้ให้ภาพที่สวยงามของกลุ่มคริสตชน ที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยกันและกัน โดยพ่ออยากสรุปประเด็นที่สำคัญ 3 ประการ คือ
     1. เมื่อเห็นใครทำผิด จงตักเตือนด้วยความรักแบบพี่น้อง แบบพี่น้องหมายถึง มองเขาเป็นพี่ เป็นน้องเรา รักและเข้าใจอย่างที่เขาเป็น เตือนด้วยความรัก ; ห้ามเด็ดขาดเลย คือ ตำหนิ กล่าวโทษ หรือด่วนตัดสินผู้อื่นโดยใช้อารมณ์ ความรู้สึก
    2.จงภาวนาให้กับคนที่กระทำผิด คำภาวนาของเราจะเป็นอีกแรงหนึ่งเพื่อวอนขอพระพรจากพระเจ้าให้กับบุคคลที่กำลังหลงทางในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะพระบอกกับเราแล้ว “ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา
     3.จงรักและให้อภัยผู้ที่ทำผิด พระเจ้าคือ องค์แห่งความรัก พระเจ้าสอนให้เรารู้จักรักและให้อภัยผู้อื่น เพราะความรักที่แท้จริง คือการให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง ; มันอาจจะยากที่จะทำ แต่ถ้ายังมีใครที่เราไม่สามารถให้อภัยได้ พระสันตะปาปาฟรังซิส สอนเราว่า “จงภาวนาให้เขา แล้วพระเจ้าจะช่วยท่านและเขาเอง เพราะไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้”

คพ.วิทยา