วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2013


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            พ่อได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่มีประเด็นน่าคิด พ่อเลยเก็บมาเล่าสู่พี่น้องฟังกันอีกทอดหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า ชายชาวอาราเบียนผู้หนึ่ง มีตำแหน่งใหญ่โตเป็นพ่อเลี้ยงมีข้าทาสบริวารมากมาย วันหนึ่งเขาพบเด็กชายคนหนึ่งในเต็นท์ที่เขาอาศัยอยู่ "หนูเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแสดงอำนาจ  เด็กชายคนนั้นตอบว่า "ฉันเป็นผู้ส่งสารของอัลเลาะห์ ฉันมีนามว่า เทพแห่งความตาย" ชายผู้นั้นหน้าซีด ตั้งคำถามต่อไปว่า  "แล้วเธอต้องการอะไรจากฉัน?”  เทพแห่งความตายตอบว่า “ฉันมาที่นี่เพียงเพื่อบอกกล่าวกับท่านว่า วันสุดท้ายของชีวิตท่านมาถึงแล้ว จงเตรียมตัวให้พร้อม วันพรุ่งนี้เวลาอาทิตย์ตกดิน ฉันจะมารับท่านไป" กล่าวเสร็จแล้วเทพองค์นั้นก็อันตรธานหายไป
            ชายผู้นี้ ตบมือเรียกคนใช้มาสั่งว่า "ไปเตรียมเอาอานใส่หลังอูฐตัวที่แข็งแรงที่สุดให้พร้อมเร็วที่สุดแล้วเขาก็แอบยิ้มพลางกล่าวกับตัวเองว่า "วันพรุ่งนี้ เมื่อเทพแห่งความตายมาถึง ก็จะพบแต่เต๊นท์ที่ว่างเปล่า" แล้วเขาก็กระโดดขึ้นหลังอูฐตัวนั้น และบังคับให้มันวิ่งเร็วที่สุดเต็มฝีเท้า เขาขี่อูฐตัวนั้นไปตลอดทั้งคืน และ วันรุ่งขึ้นเขาก็ยังคงบังคับให้อูฐตัวนั้นวิ่งต่อไปทั้งวันโดยไม่หยุดพักที่ใดเลย  ยิ่งวิ่งไปไกลจากเต๊นท์ที่เขาอยู่เท่าไหร่ ใจของเขายิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น และแล้ว เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยลง เขาก็เดินทางมาถึงโอเอซิสที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง เขาจึงหยุดพักจากการเดินทางใต้ต้นปาล์มต้นแรกที่เขามาถึง เขาลงจากหลังอูฐที่เหนื่อยอ่อน และ ถอดอานจากหลังของมัน พลางกล่าวกับอูฐตัวนั้นว่า "เจ้าทำได้ดีมาก เพื่อนเอ๋ย" แล้วปล่อยให้อูฐที่อ่อนระโหยโรยแรงตัวนั้นไปดื่มน้ำ และพักผ่อน แต่แล้วเขาก็เห็นว่า เทพแห่งความตายนั่งรอเขาอย่างสงบอยู่ในบริเวณนั้นนั่นเอง เทพแห่งความตายกล่าวกับเขาว่า "ฉันรู้สึกแปลกใจว่า มีการเปลี่ยนแปลงในคำสั่งที่ฉันได้รับมาว่า ฉันจะต้องมารับท่านที่ตรงนี้ ซึ่งห่างไกลจากเต๊นท์ที่ท่านอาศัยอยู่มากทีเดียว" แล้วเทพแห่งความตายก็กล่าวต่อไปอีกว่า "แต่อย่างน้อยก็อยากจะพูดบรรเทาใจท่านว่า การเดินทางไกลของท่านคราวนี้ถือเป็นสถิติใหม่ได้เลย...”
            ครับและแล้ว เรื่องก็มาถึงบทสรุปที่ว่า ชายผู้สูงศักดิ์ผู้นั้นก็หนีความตายไปไม่พ้น เขาสูญเสียเวลาไปกับการเดินทางโดยเปล่าประโยชน์ ตรงกันข้ามกับชาวสะมาเรียผู้ใจดีที่พระวรสารกล่าวถึงผู้นั้น แม้ในขณะเดินทางก็ยังไม่ละเลยในการประกอบกิจเมตตา ช่วยชีวิตของผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองได้อย่างดีที่สุดแม้ว่าตัวเองจะมีธุระปะปังที่ต้องทำอยู่ไม่น้อย ข้อคิดสำหรับเราในวันนี้คือ ฟากฝั่งแห่งความตายนั้นรอเราอยู่เบื้องหน้า บนเส้นทางที่เรามุ่งไปนั้นจงอย่าละเลยที่จะประกอบกิจเมตตาเสมอ
คพ.สุพจน์
......................................................................................................................................
เราเชื่ออะไร
กระแสเรียกฆราวาสคืออะไร

ฆราวาสถูกส่งไป เพื่อให้มีส่วนร่วมในสังคม เพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้าจะได้เติบโตท่ามกลางมนุษย์

 ฆราวาสมิใช่คริสตชนชั้นสอง เนื่องจากเขามีส่วนร่วมในหน้าที่ศาสนบริกรสงฆ์ของพระคริสตเจ้าด้วย ฆราวาสทุกคนจึงควรให้ความใส่ใจต่อผู้คนบนหนทางชีวิตของพวกเขา (ที่อยู่ในโรงเรียน ในครอบครัว และในหน้าที่การงาน) ได้มารู้จักพระวรสาร และเรียนรู้ที่จะรักพระคริสตเจ้า
ความเชื่อของฆราวาสล้วนมีอิทธิพลต่อสังคม ธุรกิจ และการเมือง พวกเขายังสามารถสนับสนุนส่งเสริมชีวิตของพระศาสนจักร เช่น การมาเป็นผู้อ่านพระคัมภีร์ เป็นพลมารี สภาอภิบาล หรืออาสาสมัครมาร่วมงานกับกลุ่มองค์กรต่างๆของวัด โดยเฉพาะสำหรับบรรดาเยาวชน ที่ควรพิจารณาอย่างจริงจังถึงบทบาทหน้าที่ที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้พวกเขาได้มีส่วนรับผิดชอบในพระศาสนจักรของพระองค์ด้วย ดังคำพูดที่ว่า “พระคริสตเจ้าไม่มีมือ แต่ทรงใช้มือของเราทำงานของพระองค์ในปัจจุบัน”
“กระแสเรียกของท่าน คือการร้องตะโกนพระวรสารจากหลังคา มิใช่แต่ด้วยคำพูด แต่ต้องด้วยชีวิตของท่านด้วย”
                                                                     บุญราศี Charles de Foucauld (1858-1916)





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น