สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
พ่อได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่มีประเด็นน่าคิด
พ่อเลยเก็บมาเล่าสู่พี่น้องฟังกันอีกทอดหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า
ชายชาวอาราเบียนผู้หนึ่ง มีตำแหน่งใหญ่โตเป็นพ่อเลี้ยงมีข้าทาสบริวารมากมาย
วันหนึ่งเขาพบเด็กชายคนหนึ่งในเต็นท์ที่เขาอาศัยอยู่ "หนูเป็นใคร
มาทำอะไรที่นี่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแสดงอำนาจ เด็กชายคนนั้นตอบว่า "ฉันเป็นผู้ส่งสารของอัลเลาะห์ ฉันมีนามว่า เทพแห่งความตาย" ชายผู้นั้นหน้าซีด ตั้งคำถามต่อไปว่า
"แล้วเธอต้องการอะไรจากฉัน?” เทพแห่งความตายตอบว่า
“ฉันมาที่นี่เพียงเพื่อบอกกล่าวกับท่านว่า วันสุดท้ายของชีวิตท่านมาถึงแล้ว
จงเตรียมตัวให้พร้อม วันพรุ่งนี้เวลาอาทิตย์ตกดิน ฉันจะมารับท่านไป" กล่าวเสร็จแล้วเทพองค์นั้นก็อันตรธานหายไป
ชายผู้นี้ ตบมือเรียกคนใช้มาสั่งว่า "ไปเตรียมเอาอานใส่หลังอูฐตัวที่แข็งแรงที่สุดให้พร้อมเร็วที่สุด" แล้วเขาก็แอบยิ้มพลางกล่าวกับตัวเองว่า
"วันพรุ่งนี้ เมื่อเทพแห่งความตายมาถึง
ก็จะพบแต่เต๊นท์ที่ว่างเปล่า" แล้วเขาก็กระโดดขึ้นหลังอูฐตัวนั้น
และบังคับให้มันวิ่งเร็วที่สุดเต็มฝีเท้า เขาขี่อูฐตัวนั้นไปตลอดทั้งคืน และ
วันรุ่งขึ้นเขาก็ยังคงบังคับให้อูฐตัวนั้นวิ่งต่อไปทั้งวันโดยไม่หยุดพักที่ใดเลย ยิ่งวิ่งไปไกลจากเต๊นท์ที่เขาอยู่เท่าไหร่
ใจของเขายิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น และแล้ว เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยลง
เขาก็เดินทางมาถึงโอเอซิสที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง
เขาจึงหยุดพักจากการเดินทางใต้ต้นปาล์มต้นแรกที่เขามาถึง
เขาลงจากหลังอูฐที่เหนื่อยอ่อน และ ถอดอานจากหลังของมัน พลางกล่าวกับอูฐตัวนั้นว่า
"เจ้าทำได้ดีมาก เพื่อนเอ๋ย" แล้วปล่อยให้อูฐที่อ่อนระโหยโรยแรงตัวนั้นไปดื่มน้ำ และพักผ่อน
แต่แล้วเขาก็เห็นว่า เทพแห่งความตายนั่งรอเขาอย่างสงบอยู่ในบริเวณนั้นนั่นเอง
เทพแห่งความตายกล่าวกับเขาว่า "ฉันรู้สึกแปลกใจว่า
มีการเปลี่ยนแปลงในคำสั่งที่ฉันได้รับมาว่า ฉันจะต้องมารับท่านที่ตรงนี้
ซึ่งห่างไกลจากเต๊นท์ที่ท่านอาศัยอยู่มากทีเดียว" แล้วเทพแห่งความตายก็กล่าวต่อไปอีกว่า
"แต่อย่างน้อยก็อยากจะพูดบรรเทาใจท่านว่า การเดินทางไกลของท่านคราวนี้ถือเป็นสถิติใหม่ได้เลย...”
ครับและแล้ว เรื่องก็มาถึงบทสรุปที่ว่า
ชายผู้สูงศักดิ์ผู้นั้นก็หนีความตายไปไม่พ้น
เขาสูญเสียเวลาไปกับการเดินทางโดยเปล่าประโยชน์
ตรงกันข้ามกับชาวสะมาเรียผู้ใจดีที่พระวรสารกล่าวถึงผู้นั้น
แม้ในขณะเดินทางก็ยังไม่ละเลยในการประกอบกิจเมตตา
ช่วยชีวิตของผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองได้อย่างดีที่สุดแม้ว่าตัวเองจะมีธุระปะปังที่ต้องทำอยู่ไม่น้อย
ข้อคิดสำหรับเราในวันนี้คือ ฟากฝั่งแห่งความตายนั้นรอเราอยู่เบื้องหน้า
บนเส้นทางที่เรามุ่งไปนั้นจงอย่าละเลยที่จะประกอบกิจเมตตาเสมอ
คพ.สุพจน์
......................................................................................................................................
เราเชื่ออะไร
กระแสเรียกฆราวาสคืออะไร
ฆราวาสถูกส่งไป เพื่อให้มีส่วนร่วมในสังคม
เพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้าจะได้เติบโตท่ามกลางมนุษย์
ฆราวาสมิใช่คริสตชนชั้นสอง
เนื่องจากเขามีส่วนร่วมในหน้าที่ศาสนบริกรสงฆ์ของพระคริสตเจ้าด้วย
ฆราวาสทุกคนจึงควรให้ความใส่ใจต่อผู้คนบนหนทางชีวิตของพวกเขา (ที่อยู่ในโรงเรียน
ในครอบครัว และในหน้าที่การงาน) ได้มารู้จักพระวรสาร
และเรียนรู้ที่จะรักพระคริสตเจ้า
ความเชื่อของฆราวาสล้วนมีอิทธิพลต่อสังคม
ธุรกิจ และการเมือง พวกเขายังสามารถสนับสนุนส่งเสริมชีวิตของพระศาสนจักร เช่น การมาเป็นผู้อ่านพระคัมภีร์
เป็นพลมารี สภาอภิบาล หรืออาสาสมัครมาร่วมงานกับกลุ่มองค์กรต่างๆของวัด
โดยเฉพาะสำหรับบรรดาเยาวชน
ที่ควรพิจารณาอย่างจริงจังถึงบทบาทหน้าที่ที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้พวกเขาได้มีส่วนรับผิดชอบในพระศาสนจักรของพระองค์ด้วย
ดังคำพูดที่ว่า “พระคริสตเจ้าไม่มีมือ
แต่ทรงใช้มือของเราทำงานของพระองค์ในปัจจุบัน”
“กระแสเรียกของท่าน
คือการร้องตะโกนพระวรสารจากหลังคา มิใช่แต่ด้วยคำพูด แต่ต้องด้วยชีวิตของท่านด้วย”
บุญราศี Charles de Foucauld (1858-1916)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น