วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2013

สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
                วันนี้พระศาสนจักรสมโภชนักบุญเปโตร และ นักบุญเปาโล ผู้เป็นประดุจเสาหลักที่คอยค้ำจุนพระศาสนจักรทั้งสองท่าน นักบุญเปโตรเป็นผู้ที่มีบทบาทดำเนินชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า ในทุกๆเหตุการณ์สำคัญๆของพระเยซู ท่านมักจะอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆเสมอ เปโตรไม่ใช่บุคคลที่ดีแบบไม่มีข้อตำหนิบกพร่อง ท่านทำสิ่งที่พลั้งพลาดหลายอย่าง แต่ท่านก็น้อมรับและแก้ไขจุดบกพร่องที่ท่านมี ที่สุดท่านก็ได้รับความไว้วางใจจากพระเยซูมอบพระศาสนจักรให้ท่านเป็นผู้ดูแลสืบต่อจากพระองค์
            ส่วนนักบุญเปาโล อย่างที่เราทราบๆกันดีว่า ท่านเป็นบุคคลที่เคยเบียดเบียนพระศาสนจักร แต่ภายหลังท่านได้เปลี่ยนแปลงชีวิต หันหลังให้กับหนทางเดิม และกลับกลายมาเป็นอัครสาวกผู้มีใจร้อนรนที่สุดคนหนึ่ง ออกเดินทางไปประกาศข่าวดีและคำสอนของพระเยซูในดินแดนที่ห่างไกลจากเยรูซาเล็มออกไป
            อัครสาวกทั้งสองท่านจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างยิ่งในยุคที่พระศาสนจักรเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา ด้วยเหตุนี้พระศาสนจักรจึงจัดวันฉลองให้กับท่านทั้งสองในวันเดียวกัน เพื่อให้เกียรติกับผู้นำพระศาสนจักรทั้งสอง เพื่อให้เห็นบทบาทของการดูแลปกครองพระศาสนจักรให้เป็นปึกแผ่นของนักบุญเปโตร และ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการเผยแผ่พระศาสนจักรให้กว้างขวางออกไปของนักบุญเปาโล
            วันนี้พระศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลกยังจัดพิธีถวายบูชาขอบพระคุณเพื่อฉลองพระสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาอีกด้วย ทั้งนี้เพราะพระสันตะปาปาคือผู้นำพระศาสนจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินนี้   วันนี้พ่อจึงขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่าน  ภาวนาเพื่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเป็นพิเศษเพื่อให้ท่านเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาญาณของพระจิตเจ้า ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง จะได้ปฏิบัติพันธกิจต่างๆของพระองค์ ในการประกาศข่าวดีแห่งความรอดพ้น นำมวลมนุษย์ไปสู่ความดีสมบูรณ์ ในหนทางแห่งความรัก และ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน


คุณพ่อสุพจน์
.....................................................................................................................
เราเชื่ออะไร
ทำไมจึงเรียกพระศาสนจักรว่าสืบต่อจากอัครสาวก

พระศาสนจักรได้รับเรียกว่าสืบต่อจากอัครสาวก เพราะพระศาสนจักรได้รับการก่อตั้งขึ้นโดยบรรดาอัครสาวก ยึดมั่นในธรรมประเพณีของพวกท่าน และปกครองโดยผู้สืบตำแหน่งต่อจากพวกท่าน
พระเยซูเจ้าทรงมีศิษย์มากมายอยู่ล้อมรอบพระองค์ ทั้งชายและหญิง ในแวดวงคนเหล่านี้ พระองค์ทรงเลือกชายสิบสองคน ซึ่งเรียกว่าอัครสาวก มาเป็นผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดที่สุดของพระองค์ แล้วฝึกฝนพวกท่านอย่างเป็นพิเศษ มอบความไว้วางใจในภาระหน้าที่ต่างๆ ให้
บรรดาอัครสาวกยังกลายเป็นประจักษ์พยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า หลังจากที่ทรง กลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์ทรงปรากฏพระองค์แก่พวกท่านหลายครั้ง ทรงมอบพระจิตเจ้าให้ และทรงส่งพวกท่านออกไปทั่วโลกเพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงตัวพระองค์
บรรดาอัครสาวกได้สานต่อพันธกิจของพระเยซูเจ้า หลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว พวกท่านได้มอบพันธกิจ และอำนาจแก่ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพวกท่าน คือบรรดาพระสังฆราชโดยการปกมือ กระบวนการนี้เรียกว่า การสืบต่อจากอัครสาวก ในปัจจุบัน ผู้สืบทอดตำแหน่งบรรดาอัครสาวกได้ใช้อำนาจที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้ ในการปกครอง สั่งสอน และประกอบพิธีกรรม ความร่วมมือกันของบรรดาอัครสาวกกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเอกภาพของพระศาสนจักร (สืบจากบรรดาอัครสาวก)
พระเยซูเจ้าทรงมอบอำนาจพิเศษให้เปโตร “ท่านคือศิลา และบนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา” (มธ 16:18) บทบาทหน้าที่พิเศษของนักบุญเปโตรในท่ามกลางบรรดาอัครสาวกนี้เอง จึงได้พัฒนากลายมาเป็นหน้าที่ศาสนบริกรของพระสันตะปาปา ผู้ถือเป็นดัง “ผู้แทนของพระคริสตเจ้าในโลกนี้” มีอำนาจสูงสุดในการอภิบาล และทรงมีอำนาจการตัดสินสูงสุดในเรื่องความเชื่อและศีลธรรม

 “ตั้งแต่แรกเริ่ม กลุ่มคริสตชนในกรุงโรม ถูกมองว่าเป็นพระศาสนจักรที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ได้รับการก่อตั้ง และบริหารจัดการโดยอัครสาวกผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดสองท่านคือ เปโตร และเปาโล... ด้วยเหตุที่พระศาสนจักรแห่งกรุงโรม มีต้นกำเนิดอันสูงส่ง พระศาสนจักรทุกแห่ง จึงต้องเห็นพ้องกับพระศาสนจักรแห่งกรุงโรม และในพระศาสนจักรนี้เองที่สัตบุรุษทุกหนแห่ง จะได้บำรุงรักษาธรรมประเพณีของบรรดาอัครสาวกไว้”
(นักบุญอิเรเนอุส แห่งลีออง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น