วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
                ความขัดแย้งในระดับนานาชาติก่อตัวขึ้นอีกคำรบ สงครามและความรุนแรง เกิดขึ้นอีกครั้ง ตามที่เราทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในซีเรียคราวนี้กำลังมีแนวโน้มที่จะขยายวงออกไปสู่ความขัดแย้งของชาติอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนถือหางของคู่ขัดแย้งเดิม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังพร้อมจะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น พร้อมจะก่อตัวลุกเป็นกองเพลิงอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออารมณ์ความโกรธแค้นเข้าครอบงำ จิตใจของมนุษย์ก็ถูกความมืดมนเข้าปกคลุม การตัดสินใจจะกระทำการใดๆไม่ได้อยู่บนหลักเหตุผลอีกต่อไป แต่จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของการอยากตอบโต้ให้สาสมกับความคับแค้นที่สะสมอยู่ภายในจิตใจ
            โลกของเราผ่านประสบการณ์การทำสงครามมามากเพียงพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 1 และ สงครามโลกครั้งที่2 นับเป็นเหตุการณ์เลวร้าย ที่มนุษย์ประหัตประหารทำร้ายกันที่ไม่น่าเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว เราไม่ต้องการสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือ ครั้งต่อๆไปอีก
            พระเยซูเจ้าทรงสอนบัญญัติเอกให้กับศิษย์ของพระองค์ "ท่านจงรักกันและกัน เหมือนอย่างที่เรารักท่าน" พระเยซูไม่เคยสอนให้ศิษย์ของพระองค์มีความประสงค์ร้ายต่อกัน พระองค์ไม่เคยสอนให้ศิษย์ของพระองค์ โต้ตอบความรุนแรง ด้วยความรุนแรง พระองค์เคยสอนว่า "จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย" ด้วยคำสอนเช่นนี้แหละที่ทำให้พระศาสนจักรคาทอลิกมีมรณะสักขีมากมาย  "เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา" (ยน. 13:34-35)
            เวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร ความรุนแรงย่อมระงับได้ด้วยการไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ หรือ จะกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความขัดแย้งย่อมระงับได้ด้วยความรักนั่นเอง
            เราเริ่มต้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เหลือเวลาอีกไม่นานนัก การฉลองคริสต์มาสก็จะมาถึงแล้ว เราจะได้มีโอกาสเฉลิมฉลอง การบังเกิดของ พระกุมารเยซู ผู้นำความรักของพระเจ้ามาสู่โลกของเราอีกครั้ง เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า ความรักที่พระองค์สอนเราเท่านั้นคือแนวทางแห่งการดำรงชีวิตอย่างมีสันติสุขกับทุกคน ถ้าทุกคนรักกัน ไม่มีความจำเป็นใดๆเลยที่เราจะต้องคิดค้นอาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ มาทำลายล้างกันอีกต่อไป เพราะความรักคือแนวทางเดียวที่จะทำให้โลกมีสันติสุข
            อยากไว้อาลัยให้กับความรักที่จางหายไปจากหัวใจของผู้คนในสังคม ตราบใดที่ความรักไม่ปรากฏตัวชัดเจนในหัวใจของผู้คน ความรุนแรงและความเกลียดชังก็ปรากฏชัดขึ้นมาทันที แล้วเราจะยอมให้เป็นไปเช่นนั้นหรือ

คพ.สุพจน์
...................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ ก็แค่อีกวันที่ต้องเรียนรู้

อาจจะเป็นบทหนึ่งในชีวิต
คิดไปทำไม คิดแล้ววุ่นวายหัวใจเปล่าๆ
คนเรามันมีต่างชนิดติดใจทำไม
คิดแล้ววุ่นวายหัวใจเปล่าๆ
#พี่โจ้วงPAUSEร้องไว้

ถ้าอยู่คนเดียว
อยากจะคิด อยากจะรู้สึก อยากจะทำอะไรตามใจ ก็คงได้
แต่เพราะเรายังต้องอยู่กับคนอื่น
อะไรอะไรที่อยากจะคิด อยากจะรู้สึก อยากจะทำ
เลยอาจไม่เป็นอย่างที่คิด

บางทีที่พระลงมาเกิดอาจเพื่อสอนเราว่าต้องรู้จักใจเขา ใจเรา
อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรก็คิดแบบเขา รู้สึกแบบเขา
ไม่ใช่คิดแบบเรา รู้สึกแบบเรา เพราะเราไม่ได้ยิ่งใหญ่พอที่จะรู้ทุกสิ่ง

ขนาดพระยังมารับสภาพมนุษย์แบบเรา
เพื่อมีความเข้าใจแบบเรา_คิด_รับรู้_และรู้สึกแบบเรา
เพื่อเข้าใจความเข้มแข็ง และความอ่อนแอแบบเรา

ถ้าพระองค์ประสงค์ความสมบูรณ์แบบ
คงสร้างเราออกมาเหมือนเหมือนกัน
คงสร้างเราออกมาดีพร้อมเหมือนกัน

แต่ที่เราไม่สมบูรณ์คงเพื่อให้เราแสวงหาความสมบูรณ์ในพระองค์ไม่ใช่ในตัวเอง

ไม่ใช่ในแบบที่เราคิด แต่แบบที่พระคิด
ไม่ใช่ในแบบที่เรารู้สึก แต่แบบที่พระรู้สึก
ไม่ใช่ความต้องการของเราแต่พระประสงค์ของพระเจ้า

ถ้าเราเข้าใจในความอ่อนแอที่เรามีเราก็ควรเข้าใจในความอ่อนแอที่คนอื่นมีด้วย

#เราไม่ได้อยู่เพื่อให้ใครพอใจแต่ควรอยู่เพื่อให้ชีวิตเป็นที่พอพระทัย
#ไม่ร้อนนอนแอร์



เรื่องและภาพ :Shutter  Lover

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
            วันเวลาผ่านไปรวดเร็ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปฏิทินปีพิธีกรรมซึ่งนำเราคริสตชนมาสู่การฉลองสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลององค์พระผู้ไถ่ของชาวเราที่ทรงครองราชย์ เหนือดวงใจทุกดวงของผู้ที่เชื่อมั่นในองค์พระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่าการเป็นกษัตริย์ของพระองค์นั้นไม่ใช่การครองราชย์ในแบบของโลกอย่างที่คนทั่ว ๆไปเขาคิดกัน แต่พระองค์เป็นกษัตริย์ฝ่ายจิตใจ ทรงครองราชย์ในหัวใจของผู้คน เพราะการครองราชย์ในวันเวลาของโลกนั้นเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน แต่การครองราชย์ของพระองค์นั้นเลยโพ้นไปจากข้อจำกัดของโลกและธรรมชาติ พระองค์คือกษัตริย์ที่จะปกครองจิตใจเราเสมอไป พระองค์ตรัสว่า "อาณาจักรของเราไม่ใช่อาณาจักรของโลกนี้...ที่ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้น ถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา"
            นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่วัดของเรามีการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกของนักเรียนชายจากโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมจำนวน 24 คน เขาเหล่านั้นคือลูกแกะที่อยู่ในความคุ้มครองของนายชุมพาบาลใหญ่ของเราคือ องค์พระเยซูคริสตเจ้า เยาวชนน้อยๆเหล่านี้กำลังเติบโตขึ้นในวิถีทางแห่งความเชื่อเยี่ยงคริสตชน เขาได้เปิดหัวใจดวงน้อยๆที่บริสุทธิ์ของเขาให้กับพระเยซูได้เข้ามาครองจิตใจของเขาแล้ว ให้เราช่วยกันดูแลปกป้อง พิทักษ์รักษาให้ดวงใจน้อยๆที่บริสุทธิ์เหล่านี้ได้มีพระเจ้าทรงครองในจิตใจของเขาเสมอไปด้วยเถิด
            อีกเรื่องหนึ่งที่อยากกล่าวถึงคงไม่พ้นไปจาก การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ความรุนแรงได้ก่อตัวขึ้น เพื่อสร้างให้เกิดความเกลียดชัง นำความหวาดผวามาสู่สังคมโลก เมื่อมนุษย์ตกอยู่ในความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ก็จะนำมาซึ่งการใช้ความรุนแรงตอบโต้กันเรื่อยไป และที่สุดความสันติสุขก็จะจางหายไปในสังคมโลกของเรา เหลือไว้แต่ความหวาดกลัว ความทุกข์ยาก ความเคียดแค้นชิงชัง และ การล้างแค้นเอาคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสอนไว้ พระองค์สอนให้เรารักกันและกัน พระองค์สอนให้เรามอบสิ่งที่ดีให้กับกันและกัน พระองค์สอนให้เรายับยั้งชั่งใจ และไม่ตอบโต้กันด้วยความรุนแรง พระองค์ตรัสว่า "อย่าตอบโต้คนชั่ว ถ้ามีใครที่ตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย" (มธ.5:40) และเหนือสิ่งอื่นใดพระองค์สอนเราให้อภัยกับผู้อื่นแม้แต่ผู้ที่เป็นศัตรูของเรา พระองค์ตรัสว่า "จงรักศัตรู และ ภาวนาให้กับผู้ที่เบียดเบียนท่าน" (มธ.5:43) ภาษิตไทยกล่าวว่า เวรย่อมระงับได้โดยไม่จองเวร ดังนั้นสันติสุขจะเกิดได้ในแนวทางแห่งความรักเท่านั้น
            พระเยซูเจ้าทรงสอนเรื่องความรักเป็นบัญญัติเอกของเราคริสตชน ดังนั้นพระองค์จึงเป็นผู้นำพาสันติสุขที่แท้จริงมาสู่ชีวิตของเราอย่างแน่นอน ขอให้เราทุกคนเปิดใจต้อนรับพระองค์มาเป็นกษัตริย์ในจิตใจของเราอย่างแท้จริงเถิด ให้พระองค์มาปกครอง พิทักษ์รักษา บำบัดเยียวยา และนำพาชีวิตของเราให้ผ่านหนทางในโลกนี้ไปสู่สันติสุขที่เที่ยงแท้ในความเป็นนิรันดรกับพระองค์ด้วยเถิด

คพ.สุพจน์

......................................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : ความจริง เป็นเหมือนรอยสัก

บางที  ความจริง เป็นเหมือนรอยสัก
รอยสัก  เจ็บปวด  แต่งดงาม
(เพลงปรากฎการณ์ : อาพารต์เม้นท์คุณป้า)

ความจริง  บางทีอาจเจ็บปวด
แต่อย่างน้อย  มันก็ไม่เคยโกหก

ใครหลอก  ใครลวงเรา เราเจ็บ
แต่คงไม่เจ็บเท่า  เราลวง  เราหลอก  ตนเอง

คำพระวันนี้บอก  ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา

เราอยากอยู่ฝ่ายความจริง
แต่บางที  เราไม่ยอมรับความจริง

เราชอบหลอกตัวเองว่า  ที่เราทำนั้นถูกต้อง  เหมาะสม  และเป็นของจริง
ทั้งที่แท้จริงแล้ว  หลายครั้ง  หลายหน  หลายที  เราก็รู้ว่า  เราหลอกตนเองอยู่

เราไม่กล้าเผชิญกับความจริง  เพราะเรากลัวเจ็บ  กลัวการไม่ยอมรับ  กลัวอ่อนแอ
ความจริงที่ว่า  เราอ่อนแอและเป็นคนบาป  เราล้มเหลวในการติดตามพระ
เราไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอะไร  เราพยายามแล้วแต่ก็สะดุดล้มแบบซ้ำซ้ำซากซาก

เราจึงหลอกตัวเองอยู่เรื่อยไป  ด้วยคำว่า  ไม่เป็นไร” 
เราพลาดแล้วพลาดอีก  ย่ำอยู่กับที่  และไม่คิดจะแก้ไขอะไรจริงจัง
ที่สุด  เราจมดิ่งลงลึกอยู่ในคำโกหกชกลมของตัวเอง  ที่จะทำให้มีความสุข 
#สุขชั่วขณะหนึ่ง  แต่ไม่ถาวร

แล้วก็ไม่มีอะไรในชีวิตเปลี่ยนแปลง  แล้วก็หมดไปอีกปี
แล้วก็โกหกต่อไปว่า เราจะเริ่มต้นใหม่”  แล้วก็ไม่เริ่มอะไร แล้วก็โกหกตัวเองต่อไป

ถือเป็นความจำเป็นของทุกชีวิต  ที่จะต้องเผชิญกับความจริงของชีวิต
ที่บางที  เจ็บปวด  แต่เชื่อเถอะ  มันงดงาม
มากกว่านั้น  มันจะพาเราไปพบกับสุขแท้ถาวร  และความรอดนิรันดรในพระองค์

#ไม่ร้อนนอนแอร์



เรื่องและภาพ :SHUTTER  LOVER

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
            สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์รองสุดท้ายของปีพิธีกรรมแล้ว พระคัมภีร์ในพิธีกรรมสัปดาห์นี้เชิญชวนสมาชิกพระศาสนจักรให้หันมาพิจารณาเป็นพิเศษเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลก สิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาสิ้นยุค หรือ ความตายของเรามนุษย์ และ ชีวิตหลังความตาย การพิพากษา การได้รับรางวัล หรือ การลงโทษ พระคัมภีร์สอนเราว่า วันเวลาของโลกนี้จะผ่านพ้นไป เมื่อถึงเวลาสุดท้ายนั้นพระเจ้าจะทรงสถาปนาสิ่งใหม่ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
            ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านไป พ่อได้รับเชิญไปโปรดศีลล้างบาปให้กับผู้ป่วยชายสูงอายุผู้หนึ่ง เขามีภรรยาเป็นคาทอลิก เขาป่วยหนักถึงขนาดต้องได้รับการรักษาพยาบาลในห้องไอซียู ตัวเขาเองไม่ได้เป็นคาทอลิก กำลังป่วยหนัก สมาชิกในครอบครัวทุกคนเป็นคาทอลิกอยากให้เขาผู้ป่วยผู้นี้ซึ่งเป็นบิดาของครอบครัวได้มาเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อในพระเจ้าเดียวกัน  เผื่อว่าวันหนึ่งที่ป๊าเป็นอะไรไป จะได้สามารถทำบุญกุศลอุทิศให้กับป๊าได้ พ่อจึงขอให้ลูกๆได้สอบถามกับผู้ป่วยผู้นี้ว่าถ้าป๊าประสงค์ที่จะมาเป็นคาทอลิกจริงๆ พ่อจะไปโปรดศีลล้างบาปให้ ลูกๆก็สอบถามบิดาของเขาว่าพร้อมจริงไหมที่จะมาเป็นคริสตชน ผู้ป่วยยินดีน้อมรับการเข้ามาเป็นลูกของพระเจ้า วันรุ่งขึ้นพ่อจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาล พบกับผู้ป่วยผู้นี้ และแจ้งจุดประสงค์ว่าพ่อมาตามความประสงค์ของผู้ป่วยที่ต้องการจะเข้ามาเป็นคาทอลิก และพ่อจะโปรดศีลล้างบาปให้ และเขาจะได้เป็นลูกของพระเจ้าโดยสมบูรณ์ เขาจะได้รับการล้างมลทินบาปในชีวิตของเขาจนสะอาดบริสุทธิ์ เขาจะมีส่วนได้รับมรดกซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับลูกของพระเจ้าทุกคนนั่นคือสวรรค์นิรันดร ตลอดเวลาของการประกอบพิธี ผู้ป่วยผู้นี้พนมมือด้วยความตั้งใจ แม้ว่าเสียงของเขาจะแหบแห้ง แต่พ่อก็จับความได้ว่าเขามีความสุขใจที่เขาได้ตัดสินใจมาเป็นหนึ่งเดียวกับครอบครัวโดยสมบูรณ์ เข้ามาเป็นลูกของพระเจ้าในที่สุด พ่อได้แต่ภาวนาขอให้ผู้ป่วยผู้นี้หายจากอาการเจ็บป่วยโดยเร็ว และหวังว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่น่ายินดีไปกว่านั้นคือ พระเจ้าทรงจัดการให้ครอบครัวนี้มีพบกับความสันติสุขในใจแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความทุกข์ใจ กังวลใจ เพราะสมาชิกของครอบครัวต้องล้มป่วยลง ความสุขใจของครอบครัวนี้คือ การที่ทุกคนได้มาเป็นหนึ่งเดียวกันในองค์พระเจ้า และคาดหวังว่าสักวันหนึ่งทุกคนโดยไม่เว้นใครเลยจะมาพบกันอีกในชีวิตหน้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา
            พระเจ้าทรงมีหนทางของพระองค์ที่จะสอนใจเราให้เข้าใจว่า วันเวลาในโลกนี้ของเราเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่เราแต่ละคนจะมีโอกาสเรียนรู้จักพระองค์ และ ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ ดังนั้นขอให้พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้สอนใจเราให้รู้ถึงสัจธรรมที่ว่า ชีวิตของเราในโลกนี้จะผ่านพ้นไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทุกคนสมควรที่จะแสวงหาและไขว่คว้ามาครอบครองให้ได้คือ ชีวิตนิรันดรในสวรรค์

คพ.สุพจน์
........................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : มีวันของเวลา มีเวลาของวัน

เราอยากรู้หลายสิ่ง
เราอยากรู้หลายอย่าง
เราค้น  เราคว้า  เราหาความหมาย
เราทำความเข้าใจ  เราไขปริศนา
ของหลายสิ่ง  ของหลายอย่าง

เราเพียรจะรู้ทุกสิ่ง  เราเพียรจะรู้ทุกอย่าง
แต่แล้วเราล้วนรู้ว่า
สิ่งที่เราอยาก  สิ่งที่เราเพียร
ด้วยสมอง  เราหาได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่

เราจำกัดด้วยเวลาและสถานที่
#SPACEandTIME


เรารู้ของจำกัดนี้  แต่เรายังอยาก  เรายังเพียร
มนุษย์เอย  มนุษย์น้อย  ไยไม่รับรู้ความเป็นตัวของเจ้า

คำพระวันนี้บอก  เรื่องของวันและเวลา  เป็นเรื่องของพระเจ้า
ไม่มีใครรู้  แม้บรรดาทูตสวรรค์  หรือแม้แต่พระบุตร

เราอยากรู้หลายสิ่ง
เราอยากรู้หลายอย่าง

บางอย่างยังประโยชน์  ควรรู้
บางอย่างไร้ประโยชน์  ไยจึงอยากใคร่รู้

รู้แต่ควรรู้  รู้แต่จำต้องรู้  รู้แต่สิ่งที่ยังให้มีชีวิต จึงยังประโยชน์กว่า
บางอย่างรู้แล้ว  แต่ไม่ทำ ละการปฏิบัติ  รู้อย่างนี้  ไม่รู้ยังประโยชน์กว่า

ที่รู้ควรรู้ กลับไม่รู้ -ที่ไม่ควรรู้  ดันอยากรู้
เฮ้อ!!  นี่หนอคือมนุษย์

#ไม่ร้อนนอนแอร์



เรื่องและภาพ :SHUTTER  LOVER

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
            เดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนที่เราคริสตชนรำลึกถึงดวงวิญญาณในไฟชำระเป็นพิเศษ พระศาสนจักรเน้นเราให้ภาวนาอุทิศให้กับสมาชิกของพระศาสนจักรที่ผ่านวันเวลาในโลกนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่บรรลุถึงความยินดีในเมืองสวรรค์ นักบุญเปาโลเตือนเราว่า เราต้องไม่ตกอยู่ในความเขลาในเรื่องของผู้ล่วงลับ หรือ มัวแต่จมอยู่ในความเศร้าโศก เหมือนคนสิ้นหวัง เพราะพระคริสตเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ และ ผู้ล่วงลับที่อยู่ในองค์พระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพ
            พระศาสนจักรสอนเราให้ภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับเสมอ แม้แต่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมยังกล่าวถึงเรื่องการภาวนา และ การบริจาคเพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ เป็นการถือปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักศาสนาโดยคำนึงถึงความหวังถึงการกลับคืนชีพ  และมีความเชื่อว่า ผู้ล่วงลับตกอยู่ในภวังค์แห่งการหลับใหลที่ยังมีจิตมั่นคงในองค์พระเจ้านั้น เขามีพระพรยิ่งใหญ่คอยปกป้องเขาอยู่ ดวงวิญญาณของเขาจึงยังไม่สูญเสียความหวังที่จะได้เข้าสู่สวรรค์ไป ดังนั้นความคิดที่จะภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับถือเป็นความคิดที่ศักดิ์สิทธิ์ และเหมาะสม เพื่ออานิสงส์สำหรับดวงวิญญาณที่จะได้รับการอภัยจากบาปโทษที่เขาได้ก่อขึ้น
            ไฟชำระเป็นช่วงเวลาเพียงชั่วคราว จะสั้นจะยาวก็แตกต่างกันไปตามการพิพากษาของพระเจ้าสำหรับแต่ละดวงวิญญาณ  ช่วงเวลานี้อาจยาวนานนับศตวรรษสำหรับดวงวิญญาณที่มีมลทินต้องชำระมากมาย ดวงวิญญาณเหล่านี้รอการชำระให้สะอาดจากมลทินบาป และเมื่อเวลาสุดท้ายหรือ อวสานตกาลมาถึง พระเจ้าจะทรงประทานความบริสุทธิ์ให้กับสมาชิกของพระศาสนจักรเหล่านั้น วันเวลาของไฟชำระจะสิ้นสุดลง ดวงวิญญาณทุกดวงจะได้รับการพิพากษาประมวลพร้อม ผู้ศรัทธาที่ยึดมั่นในคำสอนของพระเจ้าก็จะได้รับรางวัลในสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิเสธจะดำรงชีวิตตามคำสอนของพระเจ้าจะถูกลงโทษในนรก ซึ่งคำพิพากษานี้ถือเป็นการสิ้นสุดและมีผลทันที
            จากคำสอนเรื่องไฟชำระ และ การชำระมลทินอันเนื่องมาจากบาปของผู้ล่วงลับ ทำให้เราเห็นถึงความจำเป็นที่ว่า เราคริสตชนซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในโลกสมควรที่จะภาวนาอุทิศให้กับผู้ล่วงลับเป็นประจำ เพราะเราต่างสามารถที่จะแสดงความเกื้อกูลต่อกันได้โดยอาศัย การสวดภาวนา การประกอบคุณงามความดี การบริจาคทาน การขอมิสซาอุทิศให้ เพื่อว่าเมื่อวิญญาณในไฟชำระดวงใดได้รับอานิสงส์แห่งพระเมตตาของพระเจ้าได้บรรลุถึงเมืองสวรรค์แล้ว จะวิงวอนพระเจ้าเพื่อโปรดประทานพระพรให้กับเราในโลกด้วย และ นี่แหละคือความหมายของคำว่า "ความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้ศักดิ์สิทธิ์" ในบทข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้าที่เราสวดเป็นประจำนั่นเอง

คพ.สุพจน์
......................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : ให้เท่าไหร่ ก็ได้ไปเท่านั้น

เวลาเป็นเด็กเด็กจำได้ว่า
เมื่อมีซองบุญ  ซองผ้าป่า  ซองกฐินมาเวียน
เวียนในห้องเรียน  ให้พวกเรานักเรียนได้ทำบุญ

จะมีประโยคคลาสสิกคุ้นหูจากคุณครู
ไล่มาเป็นหลายคำรบทีเดียวว่า
ทำเท่าที่ทำได้นะลูก  อย่าทำจนตัวเราลำบาก
อย่าทำจนไม่มีเงินทานข้าวนะลูก
ทำบุญได้  แต่อย่าให้ตัวเราเดือดร้อนนะลูก

วันนี้  พระวาจาของพระบอก
แต่บอกต่างออกไปจากที่เคยได้ยินมาตั้งแต่วัยเด็ก

ดูหญิงคนนั้นทำทาน
แม้เธอขัดสนอยู่แล้ว  เธอยังนำเงินทั้งหมด
นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน

เธอให้หมดแบบไม่กลัวเจ็บตัว
เธอให้หมดแบบไม่กลัวว่าตัวจะลำบาก
เธอให้หมดแบบไม่กลัวว่าจะเดือดร้อน

พระเรียกร้องมากไปหรือเปล่า???
เปล่าเลย สำหรับผู้มีความเชื่อ ไม่มากไป ไม่มีเกินเลย และจริงแท้ที่พระสอน

เพราะสำหรับเธอผู้มีความเชื่ออย่างหมดหัวใจในพระเจ้า
เธอมั่นใจว่า  พระเจ้าจะทรงเลี้ยงดู พระเจ้าจะทรงดูแล พระเจ้าจะทรงรักษา

กลับกันต่างหาก  บทเรียนของเธอสอนเราในวันนี้ว่า
อย่ากั๊ก  อย่าให้แต่ของเหลือ  อย่างกับพระ
แต่จำเป็นต้องทุ่มเททั้งหมดให้กับพระ
แต่จำเป็นต้องให้พระมาก่อน
แต่จำเป็นต้องให้พระซึ่งทั้งหมดที่เรามีและเป็น
วางทุกอย่างในชีวิตไว้กับพระ แล้วพระองค์จะทรงดูแลเรา

#ไม่ร้อนนอนแอร์

เรื่องและภาพ :SHUTTER  LOVER